วัดพระมหาธาตุ ว่าที่มรดกโลกแห่งใหม่ของไทย

Image

ถือเป็นหนึ่งในข่าวดีของเมืองไทยที่ล่าสุด “วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร” หรือ “วัดพระมหาธาตุ” จ.นครศรีธรรมราช ได้รับการลงมติรับรองให้วัดพระมหาธาตุ ขึ้นเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่อยู่ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น จากที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่จัดประชุมขึ้น ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

ทั้งนี้ในขั้นตอนต่อไปประเทศไทยจะต้องจัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์ หรือที่เรียกว่าแฟ้มข้อมูล (Nomination File) ส่งไปยังศูนย์มรดกโลกในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 เพื่อผลักดันให้เข้าสู่วาระการพิจารณาขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกต่อไป ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี

วัดพระมหาธาตุเมืองนคร ตั้งอยู่ในตัวเมืองนครศรีธรรมราช มี “พระบรมธาตุเมืองนคร” หรือ “องค์พระบรมธาตุเจดีย์” เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญคู่บ้านคู่เมือง ตามตำนานกล่าวว่า สร้างขึ้นครั้งแรกประมาณ ปี พ.ศ. 854 ด้วยศิลปะการก่อสร้างแบบศรีวิชัย (หลายคนเชื่อว่ามีลักษณะคล้ายพระบรมธาตุไชยา จ.สุราษฎร์ธานี) ภายในบรรจุพระทันตธาตุ (ส่วนฟันของพระพุทธเจ้า)

ในปี พ.ศ. 1093 พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ทำการสร้างเมืองนครศรีธรรมราชขึ้น พร้อมกับสร้างเจดีย์องค์ใหม่ทรงศาญจิครอบพระบรมธาตุองค์เดิม ต่อมาในปี พ.ศ. 1770 มีพระภิกษุจากลังกามาบูรณะองค์พระบรมธาตุให้เป็นแบบทรงลังกาหรือทรงโอคว่ำดังที่เห็นในปัจจุบัน

พระบรมธาตุเมืองนคร(ทรงลังกา) มีความสูง 55.78 เมตร องค์ระฆังสูง 9.80 เมตร มีปล้องไฉน 52 ปล้อง ปลียอดหุ้มด้วยทองคำเหลืองอร่าม จนได้รับการเรียกขานว่าเป็น “พระธาตุทองคำ” ขณะที่ยามแสงแดดตกต้ององค์พระธาตุ เหลื่อมเงากลับทาบทอดไม่ถึงพื้น จนดูเหมือนพระธาตุไม่มีเงา จึงทำให้ได้รับการเขียนขานว่าเป็น “พระธาตุไร้เงา” อีกฉายาหนึ่ง

นอกจากองค์พระบรมธาตุเจดีย์แล้ว วัดพระมหาธาตุยังมีสิ่งน่าสนใจอีกหลากหลาย โดยในหนังสือ “ตามรอยธรรมที่เมืองนคร” ได้คัด 12 สิ่งน่าสนใจในวัดพระมหาธาตุมานำเสนอในหัวข้อ “12 สิ่งควรรู้ ที่พระบรมธาตุเจดีย์เมืองนคร และใน 3 พระวิหารที่ไม่ควรพลาด” ซึ่งสรุปได้ดังนี้

พระศรีศากยมุนีศรีธรรมราช : เป็นองค์พระประธานที่ประดิษฐานอยู่ในพระวิหารหลวง เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่และงดงามด้วยศิลปะสมัยอยุธยาตอนต้น มีขนาดหน้าตัก 3 วา 1 ศอก 12 นิ้ว ประดิษฐานบนฐานชุกชี พร้อมด้วยพระอัครสาวก ซึ่งเป็นองค์พระประธานที่ประดิษฐานต่างๆ จากที่อื่นๆ เพราะตั้งไว้ค่อนข้างกลางพระวิหาร

พระเหมชาลาและธนกุมาร : ตั้งอยู่หน้าพระวิหารตรงหน้าซุ้มประตูเยาวราช ตามตำนานระบุว่าพระธนกุมารเป็นเจ้าชายอินเดีย พระนางเหมชาลาเป็นพี่สาวพระธนกุมาร ทั้งคู่เป็นผู้อัญเชิญพระทันตธาตุมายังดินแดนนี้ ก่อนจะอัญเชิญต่อไปยังลังกา โดยได้แบ่งบางส่วนกลับมาประดิษฐาน ณ พระบรมธาตุเมืองนคร

ซุ้มพระเจดีย์-พระวิหารคด : เป็นซุ้มเจดีย์หน้าทางเข้าวิหารคด ศิลปะศรีวิชัยมีหลายเรือนยอด(แบบเดียวกับพระธาตุไชยา) เชื่อว่าอาจจะเป็นแบบดั้งเดิมขององค์พระมหาธาตุเจดีย์ ส่วนพระวิหารคดนั้นน่ายลไปด้วยพระพุทธรูปจำนวนมากที่ประดิษฐานอยู่เรียงราย และมีบาตรพระให้ทำบุญกันตามศรัทธา

ท้าวขัตตุคาม-รามเทพ : ในวิหารพระม้าที่เป็นบันไดทางขึ้นสู่องค์พระบรมธาตุ ด้านซ้าย-ขวา มีรูปปั้นของเทพผู้พิทักษ์คือ ท้าวขัตตุคาม-รามเทพ ประดิษฐานอยู่ขนาบข้างประตูทางเข้า-ออก องค์พระธาตุ ท้าวขัตตุคาม-รามเทพ เป็นเทพที่เชื่อว่าคือท้าวจตุคามรามเทพ อันลือลั่นแห่งเมืองนคร นอกจากเทพทั้งสองแล้วที่นี่ยังมีผู้พิทักษ์อื่นๆ อาทิ ท้าวจตุโลกบาล นาค ครุฑ สิงห์ เป็นต้น

ห่มผ้าพระบฏบูชาพระบรมธาตุ : ชาวใต้ต่างเชื่อกันว่าการได้ห่มผ้าพระบฏบูชาพระบรมธาตุถือว่าเป็นมงคลสูงสุดของชีวิต โดยที่วัดพระมหาธาตุได้มีการจัดงานใหญ่ “แห่ผ้าขึ้นธาตุ” ขึ้นในช่วงวันมาฆบูชา อย่างไรก็ดีชาวพุทธสามารถมาทำบุญห่มผ้าพระบฏบนลานประทักษิณบูชาองค์พระธาตุในช่วงวาระไหนก็ได้

ขอขอบคุณ http://www.manager.co.th/

Both comments and pings are currently closed.

Comments are closed.

. . . . . . .
. . . . . . .