วัดเบญจมบพิตร

วัดเบญจมบพิตร หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานคร ที่ไม่ว่าชาวไทยหรือชาวต่างชาติก็นิยมมานมัสการ ไหว้พระทำบุญ รวมถึงเที่ยวชมความงดงามทางด้านสถาปัตยกรรมของพระอุโบสถหินอ่อน เมื่อกล่าวถึงพระอุโบสถหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์สวยงามแน่นอนว่าพระอุโบสถแห่งนี้อยู่ในวัดเบญจมบพิตร เพราะเป็นวัดที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งในหมู่ชาวไทยและชาวต่างประเทศ นอกจากนี้ภายในวัดยังมีสิ่งสวยงามอีกมากมายที่ควรรู้จักอีกด้วย

เรามาทราบประวัติความเป็นมาของวัดเบญจมบพิตรกันก่อน แต่เดิมเป็นเพียงวัดเล็ก ๆ มีชื่อว่า “ วัดแหลม ” หรืออีกชื่อหนึ่งว่า “ วัดไทรทอง ” ไม่มีหลักฐานปรากฏว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยใด วัดนี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวตั้งอยู่ที่ถนนศรีอยุธยาเขตดุสิต เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนาขึ้น โดยมีสมเด็จพระบรมวงศ์เธอกรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์เป็นผู้ออกแบบ ก่อสร้างศิลปะสถาปัตยกรรมไทยโบราณที่มีความวิจิตรงดงามและเป็นระเบียบ ได้รับการยกย่องว่าเป็นวัดที่มีการวางแปลนแผนผังที่ดีที่สุดวัดหนึ่ง ทั้งยังประดับด้วยหินอ่อนที่ดีที่สุดจากประเทศอิตาลี เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในชื่อ “Marble Temple”

พระประธานของวัดจำลองมาจากพระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมืองพิษณุโลก บริเวณพระระเบียงด้านหลังพระอุโบสถเรียงรายด้วยพระพุทธรูปโบราณปางต่างๆ 52 องค์ ซึ่งสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงรวบรวมมาจากหัวเมืองต่าง ๆ และต่างประเทศ

เมื่อได้ทราบประวัติ และความสวยงามของวัดเบญจมบพิตรแล้ว ถ้าได้ไปเห็นความสวยงามของวัดด้วยตาของตนเองแล้วจะประทับใจกับความสวยงามของวัดไปอีกนานทีเดียว หรือหากใครยังไม่มีโอกาส หรือยังไม่สะดวกไป พลิกเหรียญ 5 บาท ในมือของคุณดูก่อนก็ได้ นั่นแหระพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร
วัดเบญจมบพิตร ตั้งอยู่ที่ถนนศรีอยุธยา บริเวณสี่แยกวัดเบญจฯ ใกล้สนามม้าราชตฤณมัย(สนามม้านางเลิ้ง)หากใครเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS สามารถลงได้ที่สถานีพญาไท N2 (สายสุขุมวิท) ใช้ทางออกที่ 3 จากนั้นใช้บริการรถแท็กซี่หรือรถตุ๊กตุ๊ก วิ่งไปตามถนนศรีอยุธยาแนวทิศตะวันตกไปยังแยกสี่แยกพระราม 5 ตัดกับวัดเบญจมบพิตร หากใครเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทาง สารที่ผ่าน ได้แก่ สาย 5, 72, 503

ขอขอบคุณ http://donmueangairportthai.com/

Both comments and pings are currently closed.

Comments are closed.

. . . . . . .
. . . . . . .