วัดนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ การเดินทางไปวัดนครสวรรค์

วัดนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์
หลวงพ่อวัดสวรรค์ วัดหัวเมืองนครสวรรค์

วัดนครสวรรค์ เดิมมีนามว่า “วัดหัวเมือง” เพราะตั้งอยู่ตอนต้นของตัวเมืองก่อนจะเข้าถึงตัวเมืองจะต้องผ่านวัดนี้ก่อน สร้างขึ้นในราว พ.ศ.๑๙๗๒ โดยประมาณ เดิมหน้าวัดอยู่ทางริมแม่น้ำเจ้าพระยามีต้นโพธิ์และพระปรางค์มองเห็นเด่นชัดสำหรับผู้สัญจรทางน้ำ ต่อมาสายน้ำได้เปลี่ยนทิศทางห่างออกไปจากวัดประมาณ ๑๐๐ เมตร เป็นวัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา มาแต่เดิม ประมาณ พ.ศ.๑๙๗๒

วัดนครสวรรค์ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่เลขที่ ๗๐๒ ถนนโกสีย์ ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ ๒๒ ไร่ ๑ งาน ๓๕ ตารางวา อาณาเขตเฉพาะส่วนที่เป็นเขตพุทธาวาส ทิศเหนือยาว ๖๗ วา ติดต่อกับถนนเทพสิทธิชัย ทิศใต้ยาว ๖๗ วา ติดต่อกับถนนลูกเสือ ทิศตะวันออกยาว ๗๖ วา ติดต่อกับถนนโกสีย์ ทิศตะวันตกยาว ๘๐ วา ติดต่อกับถนนสวรรค์วิถี ซึ่งเป็นถนนผ่ากลางที่ดินตั้งวัด มีโฉนดที่ดินเลขที่ ๙๙๔๓, ๙๖๓๙ และมีที่ธรณีสงฆ์จำนวน ๕ แปลง เนื้อที่ ๑๑๘ ไร่ ๙๙ ตารางวา โฉนดที่ดินเลขที่ ๑๑๒๕๓, ๒๒๖๗๓, ๑๐๔๑, ๑๑๑ และ น.ส. ๓ สารบบหน้า ๓๘ เล่ม ๑ ที่ธรณีสงฆ์นี้ตั้งอยู่ตำบลปากน้ำโพ ๒ แปลง ตำบลบางม่วง ๑ แปลง ตำบลศาลาแดง อำเภอโกรกพระ ๑ แปลง และตำบลเนินมะกอก อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ ๑ แปลง

พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู มีกำแพงโดยรอบทั้ง ๔ ด้าน และมีประตูเข้าออกได้สะดวกทั้ง ๔ ด้าน เช่นกัน ที่ดินตั้งวัดนี้ได้ถูกถนนสวรรค์วิถีตัดผ่านแบ่งเนื้อที่ออกเป็น ๒ แปลงเป็นเขตสังฆาวาส และเขตพุทธาวาสในส่วนที่อยู่ทางด้านทิศตะวันออกซึ่งมีเนื้อที่ ๑๓ ไร่ ๒๕ ตารางวา อีกแปลงหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกใช้เป็นเขตฌาปนสถาน มีเนื้อที่ ๙ ไร่ ๑ งาน ๑๑ ตารางวา ภายในบริเวณวัดมีถนนติดต่อระหว่างอาคารเสนาสนะต่าง ๆ ถึงกันหมด
อาคารเสนาสนะต่าง ๆ มีพระอุโบสถกว้าง ๑๒ เมตร ยาว ๒๖ เมตร บูรณะ พ.ศ. ๒๕๑๕ ศาลาการเปรียญกว้างยาวด้านละ ๓๔ เมตร เป็นอาคารคอนกรีต ๒ ชั้น สร้าง พ.ศ. ๒๕๒๖ กฏิสงฆ์ จำนวน ๑๕ หลัง เป็นอาคารคอนกรีต ๙ หลัง อาคารไม้สัก ๒ ชั้น ๑ หลัง ห้องสมุดจตุรมุขกว้าง ๑๑ เมตร ยาว ๑๒ เมตร อาคารคอนกรีต หอระฆังจตุรมุขสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง อาคารเรียนพระปริยัติธรรมกว้าง ๒๔.๕๐ เมตร ยาว ๒๘.๕๐ เมตร เป็นอาคารคอนกรีต ๒ ชั้น มีมุขหน้าและหลัง พระวิหารสร้างด้วยอิฐโบราณแผ่นใหญ่ บูรณะ พ.ศ. ๒๕๒๗ อาคารสำนักงานมูลนิธิการกุศล ๑ หลัง ศาลาบำเพ็ญกุศล ๖ หลัง และฌาปนสถานแบบเตาอบคอนกรีตเสริมเหล็ก

ปูชนียวัตถุ
มีพระประธานในพระอุโบสถ ขนาดพระเพลากว้าง ๒.๕๐ เมตร สร้างด้วยทองเหลือง มีพระนามเรียกกันว่า “หลวงพ่อศรีสวรรค์” พระพุทธรูปใหญ่ ๒ องค์ในพระวิหาร เรียกว่า “พระผู้ให้อภัย” พระพุทธรูปอื่นอีก ๒ องค์ในพระวิหาร พระพุทธรูปเนื้อสำริดสมัยสุโขทัย ปางมารวิชัย อยู่ที่กุฏิเจ้าอาวาสจำนวน ๔ องค์ พระเจดีย์เก่าอยู่ด้านหน้าพระอุโบสถ ๓ องค์ พระปรางค์ซึ่งปรักหักพังมีเพียงซากและรากฐานปรากฏอยู่

ทางราชการได้เคยใช้สถานที่วัดนี้ประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา (มีศิลาจารึกเป็นหลักฐาน) เป็นที่พำนักอยู่จำพรรษาของเจ้าคณะจังหวัด เป็นสถานที่ใช้สอบธรรมและบาลีสนามหลวงตลอดมา เมื่อ พ.ศ. ๒๒๐๓ ชาวบ้านได้พบช้างเผือก ๑ เชือก ที่เมืองนครสวรรค์ได้ประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดนี้ แล้วนำถวายสมเด็จพระนารายณ์มหาราชที่เมืองลพบุรี ซึ่งได้พระราชทานนามว่า “เจ้าพระยาบรมคเชนทรฉัททันต์” จึงนับว่าเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณกาล

ในราว พ.ศ.๒๔๔๔ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ เมื่อคราวเสด็จทางชลมารคมาทรงเททองหล่อพระพุทธชินราชจำลองที่จังหวัดพิษณุโลก ได้เสด็จฯ มาทรงเยี่ยมและเห็นความสำคัญของวัดนี้ จึงได้ทรงโปรดให้ย้ายพระครูสวรรค์วิถีวิสุทธิอุตตมคณาจารย์สังฆปาโมกข์ (หลวงพ่อครุฑ) เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ จากวัดเขา (วัดจอมคีรีนาคพรต) มาพำนักอยู่ประจำที่วัดนี้ ในการย้ายหลวงพ่อครุฑนั้นทางราชการและประชาชนได้ร่วมจัดเป็นการใหญ่มาก มีขบวนแห่แบบเวสสันดร จำนวน ๑๓ ขบวน พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าคำรบผู้บัญชาการทหารสมัยนั้นจัดขบวนส่งท่านด้วย

พ.ศ.๒๔๕๔ สมเด็จพระราชินีพระพันปีหลวง และสมเด็จพระมาตุจฉา เสด็จประพาสมณฑลฝ่ายเหนือ ได้เสด็จมาทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในวันพระราชสมภพ และวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ พร้อมด้วยเจ้านายอีกหลายพระองค์ได้ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ เพื่อปฏิสังขรณ์พระอารามนี้ด้วย

พ.ศ.๒๔๕๖ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้า เสด็จตรวจการคณะสงฆ์ได้ทรงแวะเยี่ยมหลวงพ่อครุฑด้วย ในฐานะทรงคุ้นเคยเป็นการส่วนพระองค์มาก่อน และในปีต่อมาได้เสด็จมาในงานศพหลวงพ่อครุฑที่วัดนี้อีกครั้งหนึ่ง

พ.ศ.๒๔๖๙ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ รัชกาลที่ ๗ ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สำหรับเป็นทุนสร้างพระอุโบสถหลังปัจจุบัน ซึ่งได้ครอบหลังเดิมไว้พร้อมทั้งได้พระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์เป็นโลหะทองแดงขนาดใหญ่ไว้เป็นอนุสรณ์ในพระอุโบสถด้วย

วันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๕ สมเด็จพระภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาสิริโสภาพรรณวดี พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ ได้ประทานผ้าพระกฐินมาทอดถวายที่วัดนี้

สมเด็จพระสังฆราช (วาสนมหาเถระ) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ได้เสด็จมาประทับแรมที่วัดนี้ ๒ ครั้ง เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๒ และวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๓

ครั้นถึง พ.ศ.๒๕๒๗ ได้มีนายเสน่ห์ วัฒนาธร รองปลัดกระทรวงมหาดไทยได้เสนอเรื่องขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เพื่อสถาปนาวัดนครสวรรค์ เป็นพระอารามหลวงความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้วพระราชทานพระบรมราชานุญาตตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร ๐๒๐๔๗๘๔๖ ลงวันที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๘

กระทรวงศึกษาธิการได้ออกประกาศลงวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๒๘ วัดนครสวรรค์จึงได้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ นับตั้งแต่วันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๒๘ เป็นต้นมา

ขอขอบคุณ เนื้อหาจาก
nakhonsawantemple.com

Both comments and pings are currently closed.

Comments are closed.

. . . . . . .
. . . . . . .