ประวัติวัดโคธาวาส จ.สมุทรปราการ

วัดมงคลโคธาวาส ตั้งอยู่เลขที่ 1 บ้านคลองด่าน ถนนสุขุมวิท หมู่ที่ 13 ตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินที่ตั้งวัดมีเนื้อที่ 45 ไร่ 3 งาน 75 ตารางวา มีที่ธรณีสงฆ์ จำนวน 2 แปลง เนื้อที่ 45 ไร่ 2 งาน 38 ตารางวา

อาณาเขต ทิศเหนือ จดถนนคันกั้นน้ำ
ทิศใต้ จดเขตวัดเจริญวราราม
ทิศตะวันออก จดคลองสาธารณะ
ทิศตะวันตก จดคลองด่าน
วัดมงคลโคธาวาส เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2300 ตอนปลายกรุงศรีอยุธยา (เสียกรุงแก่พม่า เมื่อ พ.ศ. 2310) ตามบันทึกกรมการศาสนา เล่ากันว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีนั้น ไทยกับพม่าได้ทำศึกสงครามรบพุ่งกันเป็นระยะเวลายาวนาน ทำให้ราษฎรกลุ่มหนึ่งซึ่งมีฐานะค่อนข้างดี เกิดความเบื่อหน่ายในการรบทัพจับศึก ได้อพยพหนีภัยสงครามพาครอบครัวมาตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่ใกล้กับแม่น้ำบางเหี้ย มีชื่อเรียกว่า “โคกเศรษฐี” ปัจจุบันเรียกกันว่าบ้านสามเรือน ผู้คนเหล่านี้เมื่อสร้างหลักปักฐานเป็นที่มั่นคงดีแล้ว ได้ร่วมมือร่วมใจกันสร้างวัดมงคลโคธาวาส ขึ้นมาเพื่อเป็นหลักยึดเหนี่ยวจิตใจ ตราบเท่าจนถึงปัจจุบัน
เล่ากันต่อมาว่าที่ตั้งวัดมงคลโคธาวาส ในปัจจุบันนี้นั้น แต่เดิมยังไม่มีบ้านเรือนผู้คนอาศัยอยู่ เป็นป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ เป็นที่อยู่อาศัยของตัวเหี้ยจำนวนมากมาย เมื่อชาวบ้านร่วมมือร่วมใจกันสร้างวัดแล้ว จึงตั้งวัดตามสภาพที่เป็นอยู่ในขณะนั้นว่า “วัดบางเหี้ย” ตามหลักฐานที่สมุหพระนครบาลส่งมา ตามใบบอกเลขที่ 327/4527 ลงวันที่ 12/7/72 ว่านายพิณ นางลุ๊ เป็นผู้ถวายที่สร้างวัด
วัดมงคลโคธาวาส แต่เดิมนั้นมีชื่อเดิมว่า “วัดบางเหี้ยนอก” แล้วต่อมาได้รับพระราชทานชื่อจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ในครั้งพระองค์เสด็จมาประทับแรมอยู่ที่ประตูกั้นน้ำ แม่น้ำบางเหี้ย (ประตูระบายน้ำชลหารพิจิตรในปัจจุบัน) เป็นเวลา 3 คืน เมื่อต้นปี พ.ศ. 2452 และได้สนทนาธรรมกับหลวงปู่ปาน เป็นที่สำราญพระราชหฤทัย ก่อนที่พระองค์จะได้เสด็จ ได้พระราชทานชื่อตำบลบางเหี้ยเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ชาวบางเหี้ยว่า “ตำบลคลองด่าน” และพระราชทานสมณศักดิ์ถวายหลวงปู่ปานเป็น “พระครูพิพัฒนนิโรธกิจ” เพราะพระองค์เชื่อในความสามารถของหลวงปู่ปานว่า เป็นพระเกจิอาจารย์ที่หาผู้ใดเปรียบได้ยาก

ขอขอบคุณ http://spk.onab.go.th/

Both comments and pings are currently closed.

Comments are closed.

. . . . . . .
. . . . . . .