“วัดเฉลิมพระเกียรติ” เมืองนนท์ งดงามริมน้ำเจ้าพระยา

Image

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ไม่เพียงแต่จะมีพระปรีชาสามารถในเรื่องของการค้าขายจนได้รับพระฉายาว่า “เจ้าสัว” พระองค์ยังเป็นกษัตริย์ที่มีจิตใจฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนา ในรัชกาลของพระองค์ได้ทรงสร้างและบูรณปฏิสังขรณ์วัดหลากหลายวัดด้วยกัน โดยวัดที่พระองค์ทรงสร้างหรือปฏิสังขรณ์นั้นก็จะมีเอกลักษณ์ตรงที่เป็นศิลปะแบบไทยผสมกับจีนซึ่งถือเป็นพระราชนิยมของพระองค์

วัดเฉลิมพระเกียรตินี้เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้น ในพื้นที่ซึ่งเป็นนิวาสถานเดิมของพระอัยกา (ตา) พระอัยกี (ยาย) และพระราชมารดาของพระองค์ หรือเจ้าจอมมารดาเรียม ซึ่งภายหลังได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระศรีสุลาลัย โดยพระองค์ทรงเห็นว่าควรที่จะสถาปนาสถานที่แห่งนี้ขึ้นเป็นพระอารามหลวงสักแห่งหนึ่งเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติแก่บุคคลทั้งสามนั้น

แต่เดิมบริเวณนี้เคยเป็นป้อมปราการเก่า ชื่อว่าป้อมทับทิม ใช้ในการสอดส่องป้องกันข้าศึกที่อาจจะรุกล้ำเข้ามาทางแม่น้ำ และเมื่อพระองค์มีพระราชประสงค์ในการสร้างวัด จึงโปรดเกล้าฯให้พระยาคลัง (ดิศ บุนนาค) ตำแหน่งที่สมุหพระกลาโหมเป็นแม่กองสร้างวัดขึ้น และโปรดให้สร้างป้อมปราการก่ออิฐถือปูน มีใบเสมาเป็นทำนองเดียวกันกับพระบรมมหาราชวังรอบวัดไว้เป็นอนุสรณ์ พร้อมทั้งพระราชทานนามวัดแห่งนี้ว่าวัดเฉลิมพระเกียรติ

เมื่อพระองค์จะเสด็จสวรรคต วัดเฉลิมพระเกียรตินี้ยังสร้างไม่เสร็จดี เพราะเมื่อในเวลานั้นพระองค์ยังได้ตรัสถึงวัดต่างๆ ที่ยังสร้างและบูรณปฏิสังขรณ์ค้างไว้ และขอให้ผู้ที่จะขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อจากพระองค์ได้ช่วยทนุบำรุงวัดที่ชำรุดและวัดที่ยังสร้างค้างอยู่นั้นให้เสร็จเรียบร้อยด้วย ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่4 เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติแล้ว พระองค์ก็ทรงรับเป็นพระราชภาระในการสร้างวัดเฉลิมพระเกียรติจนเสร็จเรียบร้อยในเวลาต่อมา

ที่วัดแห่งนี้มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระอุโบสถ ที่รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทยผสมจีน ตามแบบพระราชนิยม หลังคาพระอุโบสถมุงด้วยกระเบื้องรางดินเผาทำเป็นลอนลูกฟูกแบบจีน หน้าบันประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีสดจากประเทศจีน ประดับตกแต่งสีให้เป็นใบและดอกพุดตาน

เมื่อเข้าไปด้านในจะได้พบกับ “พระพุทธมหาโลกาภินันทปฏิมา” พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หล่อด้วยทองแดง ซึ่งรัชกาลที่ 3 โปรดให้ขุดแร่ทองแดง ที่อำเภอจันทึก จังหวัดนครราชสีมา ได้แร่ทองแดงจำนวนมาก จึงโปรดให้หล่อพระพุทธรูปขนาดใหญ่เพื่อนำไปประดิษฐานเป็นพระประธานประจำในพระอุโบสถแห่งนี้ นอกจากนี้ บานประตู บานหน้าต่างพระอุโบสถยังเขียนลายรดน้ำปิดทอง ตราพระราชลัญจกรของรัชกาลที่ 3 และรูปกระต่ายภายในวงพระจันทร์เต็มดวง แต่ในตอนนี้อุโบสถกำลังซ่อมแซม อีกไม่นานคงจะแล้วเสร็จและงดงามเหมือนดังเดิม

นอกจากพระอุโบสถแล้ว ก็ยังมีอาคารอีกสองหลังสร้างขนาบข้าง และมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมคล้ายกัน ทั้งหน้าบันที่มีศิลปะแบบไทยผสมจีน ต่างกันแต่เพียงขนาดของอาคาร นั่นก็คือพระวิหาร และการเปรียญหลวง ฉันเลือกเดินเข้าไปภายในพระวิหารก่อน เพื่อมากราบ “พระศิลาขาว” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่รัชกาลที่ 4 โปรดให้อัญเชิญมาประดิษฐานในพระวิหาร จึงทำให้นิยมเรียกวิหารหลังนี้ว่าวิหารพระศิลาขาว พระองค์นี้ประดิษฐานอยู่ในบุษบกไม้สักลงรักปิดทองประดับกระจก มีลวดลายอ่อนช้อยสวยงาม ช่วยส่งเสริมให้องค์พระดูโดดเด่น ก่อนจะเดินไปยังการเปรียญหลวง ซึ่งภายในประดิษฐาน “พระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์” เป็นพระประธาน จิตรกรรมฝาผนังภายในเขียนสีเป็นลายดอกไม้ร่วงสีอ่อนหวานเหมือนกับในพระวิหาร

ส่วนบริเวณด้านหลังพระอุโบสถนั้น มองไปจะเห็นพระเจดีย์องค์สีขาวดูโดดเด่นอยู่เบื้องหลัง เป็นเจดีย์ทรงลังกา องค์เจดีย์เป็นรูปทรงกลมมีฐานแปดเหลี่ยมสองชั้น จากฐานถึงยอดมีความสูงประมาณ 45 เมตร ภายในบรรจุพระบรมธาตุ

นอกจากในเขตพุทธาวาสแล้ว ส่วนของเขตสังฆาวาสก็ยังมีความน่าสนใจ เพราะเป็นหมู่กุฏิทรงไทย จำนวน 16 หลังด้วยกัน ซึ่งสร้างและจัดแผนผังอย่างมีระเบียบ เป็นเรือนไทยภาคกลางทรงมะนิลาใต้ถุนสูง มีความสวยงามบ่งบอกถึงความเป็นศิลปะไทยๆ แต่เนื่องจากบริเวณนี้เป็นเขตสังฆาวาส พวกเราซึ่งเป็นฆราวาสก็ควรต้องสงบสำรวมในการชมกันหน่อย

ชมภายในวัดจนทั่วแล้ว ลองเดินออกจากป้อมกำแพงวัดอีกครั้ง แล้วเดินเลียบแม่น้ำเจ้าพระยามาทางซ้ายมือ ก็จะได้พบกับพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวในท่าประทับยืนหันหน้าออกสู่แม่น้ำ ทางวัดจัดสร้างพระบรมรูปของพระองค์ขึ้นเพราะเป็นผู้ที่โปรดเกล้าฯให้สร้างวัดเฉลิมพระเกียรตินี้ขึ้น เมื่อฉันกราบสักการะท่านเสร็จแล้วจึงได้เดินไปอ่านคำจารึกด้านหลังพระบรมรูปที่จารึกไว้ว่า “พระมหากษัตริย์ผู้ทรงมีเชื้อสายฝ่ายสมเด็จพระบรมราชชนนีเป็นชาวเมืองนนทบุรี โดยสมเด็จพระศรีสุลาลัยทรงเป็นธิดาเจ้าเมืองนนทบุรีศรีมหาอุทยาน นนทบุรีนี้คือเมืองคู่พระบารมีแห่งพระองค์…”

เมื่อกราบสักการะพระบรมรูปแล้ว สิ่งสุดท้ายที่ฉันไม่อยากให้พลาดชมนั่นก็คือ “อุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก”สวนสาธารณะริมแม่น้ำซึ่งอยู่ติดกับวัด อุทยานแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เพื่อเป็นสถานที่รับรองพระราชอาคันตุกะ หรือแขกของรัฐบาลที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย รวมทั้งยังเป็นสถานที่ผักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายของประชาชน ซึ่งฉันเชื่อว่าต้องเป็นแหล่งพักผ่อนที่ดีแน่นอน เพราะภายในอุทยานนั้นตกแต่งอย่างงดงาม มีทั้งสระน้ำและต้นไม้ร่มรื่น อีกทั้งยังมีอาคารงดงามอย่าง “วิมานสราญนวมินทร์” เป็นอาคารพลับพลาโถงตั้งอยู่กลางสระน้ำ มีศาลาจตุรมุขงดงามสามหลังอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และยังเป็นศูนย์รวมพันธ์ไม้น้ำ ไม้ชายน้ำ พืชสวนชนิดต่างๆ ไว้บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่

ในวันมาฆบูชาที่กำลังจะถึงนี้ (28 ก.พ.) ฉันก็อยากจะเชิญชวนทุกคนให้มาทำบุญตักบาตร ไหว้พระเวียนเทียน และชมสิ่งที่น่าสนใจภายในวัดเฉลิมพระเกียรติแห่งนี้ด้วยกัน

“วัดเฉลิมพระเกียรติ” ตั้งอยู่ที่ 86 หมู่ 3 ถนนท่าน้ำนนท์-วัดโบสถ์ดอนพรหม ตำบลบางศรีเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี การเดินทาง จากถนนนครอินทร์มุ่งหน้าสะพานพระราม 5 เมื่อวิ่งผ่านสี่แยกบางสีทอง(ถนนบางกรวย-ไทรน้อย) แล้วให้ชิดซ้ายเพื่อเข้าสู่ถนนท่าน้ำนนท์-วัดโบสถ์ แล้ววิ่งตรงไปตามทางเรื่อยๆ จนเจอโรงพยาบาลวัดเฉลิมพระเกียรติทางซ้ายมือ จากนั้นให้เลี้ยวขวาเข้าซอยวัดเฉลิมพระเกียรติ วิ่งไปจนถึงแม่น้ำเจ้าพระยาก็จะเจอวัด สำหรับพระวิหารและการเปรียญหลวงจะเปิดให้ชมเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์และวันสำคัญ สอบถามโทร.0-2881-6323, 0-2446-4035

ขอขอบคุณ http://www.manager.co.th/

Both comments and pings are currently closed.

Comments are closed.

. . . . . . .
. . . . . . .