วัดโพธิ์บางคล้า ที่ฉะเชิงเทรา

วัดโพธิ์บางคล้าฉะเชิงเทรา วัดโพธิ์ ในอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 31 ไร่ เป็นวัดที่เก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดฉะเชิงเทรา สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในราวปี พ.ศ. 2310-2350 สมัยพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นศิลปะอยุธยากับรัตนโกสินทร์ พระวิหารจตุรมุข ก่ออิฐฉาบปูน หลังคาทรงจั่วมุงกระเบื้องเกล็ดเต่าทำจากดินเผา ภายในวัดมีศาลาขนาดใหญ่ ซึ่งประดิษฐานรูปหล่อของพระเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายรูป พระพุทธรูปที่สำคัญของเมืองไทย และพระเบญจภาคีทั้ง 5 อาทิ เช่น พระรอดเมืองลำพูน พระสมเด็จวัดระฆัง พระนางพญาพิษณุโลก พระซุ้มกอ พระผงสุพรรณ พระหลวงพ่อพุทธโสธร ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของ จังหวัดฉะเชิงเทรา บริเวณด้านหน้าวัด ยังมีวิหารโบราณในสมัยของพระเจ้าตากสินมหาราชอายุหลายร้อยปีซึ่งด้านใน ประดิษฐาน องค์หลวงพ่อโต ศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ด้วย ซึ่งนิยมเรียกกันคือ หลวงพ่อโตวัดโพธิ์บางคล้า

บนต้นไม้ทั่วบริเวณวัดแห่งนี้ เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ก็คือ ฝูงค้างคาวแม่ไก่ ตัวใหญ่ จำนวนนับแสนตัว ที่ในเวลากลางวันจะมาเกาะห้อยหัวลงตามกิ่งไม้ อยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่ทั่วทั้งบริเวณวัด ถึงยามพลบค่ำก็ออกไปหากินในถิ่นอื่น ค้างคาวเหล่านี้อาศัย อยู่ในวัดโพธิ์มาเป็นเวลานานแล้ว ไม่มีผู้บันทึกไว้ชัดเจน ตั้งแต่ในเมื่อสมัยพระครูสุตาลงกตเป็นเจ้าอาวาสระหว่างปี พ.ศ. 2473 – 2509 ซึ่งท่านเป็นพระที่มีเมตตาธรรมต่อสัตว์ทั้งหลาย ทำให้วัดโพธิ์มีค้างคาวนับแสนตัวมาอาศัยเกาะต้นไม้ในบริเวณวัด โดยไม่อพยพไปอยู่ที่ไหน และมีเรื่องที่แปลกมาก ๆ ก็คือค้างคาวพวกนี้ จะกินผลไม้ในวัดเป็นอาหาร และไม่เคยไปทำความเสียหายให้กับสวนผลไม้ ของชาวบ้านเลย


มีเรื่องเล่าขานต่อกันมาว่า เมื่อปี พ.ศ. 2498 ที่มีการฝังลูกนิมิต ปรากฎว่าค้างคาวได้บินไปจากวัดนานถึง 7 วัน เมื่อเสร็จงานแล้วจึงได้บินกลับมาอาศัยอยู่ดังเดิม และเมื่อพระครูสุตาลงกต มรณภาพเมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2509 ค้างคาวได้ตกลงมาตายเป็นจำนวนมากมายราวกับค้างคาวสามารถรับรู้ได้ ซึ่งนับเป็นความประหลาดยิ่ง

ค้างคาวแม่ไก่ (Flying foxes) ชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Perouse vampires เป็นค้างคาวสายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก หน้าตาเหมือนสุนัขจิ้งจอกคือ มีดวงตาโต จมูกและใบหูเล็ก ขนสีน้ำตาลแกมแดง และมีเล็บที่แหลมคมสามารถเกาะกิ่งไม้ได้ มีปีกสีดำ บินได้เร็วและไกลเหมือนนก กางปีกกว้างประมาณ 3 ฟุต แม่ค้างคาวให้กำเนิดลูกได้ครั้งละ 1 ตัว ในเวลากลางวันจะอยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่เกาะกิ่งไม้ห้อยหัวลงมา ยามพลบค่ำก็จะออกบินไปหากิน อาหารของค้างคาวจะเป็นพวกผลไม้และใบไม้อ่อนเช่น ใบโพธิ์ ใบมะม่วง ใบมะขาม เป็นต้น เคยมีผู้เฝ้าสังเกตการหากินของค้างคาวที่นี่พบว่าค้างคาวบินไปหากินตามเขต ชายแดนไทยหรือฝั่งประเทศกัมพูชา

ขอขอบคุณ http://www.truelife.com/

Both comments and pings are currently closed.

Comments are closed.

. . . . . . .
. . . . . . .