ยิ่งใหญ่!ศาลเจ้ากะทู้แห่พระรอบเมืองภูเก็ต

Image

ศาลเจ้ากะทู้อายุกว่า 200 ปีและเป็นศาลเจ้าแห่งแรกที่เริ่มต้นงานประเพณีถือศีลกินผัก ประกอบพิธีแห่พระรอบเมือง มีชาวภูเก็ต นักท่องเที่ยวนับหมื่นคนแห่ชมความสวยงามและยิ่งใหญ่ของขบวน

เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (12 ต.ค.) บรรยากาศการประกอบพิธีแห่พระรอบเมืองภูเก็ต งานประเพณีถือศีลกินผักจังหวัดภูเก็ต มีประชาชนชาวภูเก็ต และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จำนวนหลายพันคน ออกมารอรับขบวนแห่พระของศาลเจ้าหล่ายถู่ต่าวโบเก้งหรือศาลเจ้ากะทู้ เพื่อขอพรจากองค์พระ และชมการแสดงอิทธิฤทธิ์ของม้าทรง โดยการใช้ของแหลม ของมีคมต่างๆ ทั้งใน และนอกตำนาน ทิ่มแทงตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณกระพุ้งแก้ม ลิ้น ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นการรับเคราะห์แทนผู้ถือศีลกินผัก

โดยขบวนพระได้เคลื่อนออกจากศาลเจ้ากะทู้ มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองภูเก็ต เพื่อไปประกอบพิธีอัญเชิญกระถางธูปศักดิ์สิทธิ์ ที่บริเวณปลายแหลมสะพานหิน กลับศาลเจ้า ทั้งนี้ เมื่อขบวนแห่พระผ่านมาถึงจุดที่มีประชาชนชาวภูเก็ต และนักท่องเที่ยว ที่ตั้งโต๊ะบูชาพระ ได้มีการนำประทัดแพ จำนวนมากจุดใส่ขบวนพระเพื่อเป็นการต้อนรับ ในโอกาสเสด็จออกประพาสเพื่อโปรดสัตว์ หรือทำนองออกเยี่ยมราษฎรของพระมหากษัตริย์โดยมีขบวนธง และป้ายชื่อแห่นำหน้า จากนั้นเป็นเกี้ยวหามรูปพระ เรียกว่า ไท่เปี๋ย หรือเสลี่ยงเล็ก โดยหามรูปพระบูชาต่างๆ ออกนั่งเกี้ยวไป ซึ่งจัดตามชั้นและยศของเทพ จากนั้นเป็นขบวนของนิ่วสิ่ว หรือฉัตรจีน ตามด้วยพระเกี้ยวใหญ่ หรือเสลี่ยงใหญ่ ซึ่งมักใช้คน 8 คนหาม ซึ่งเป็นที่ประทับองค์กิ้วฮ๋องไต่เต่ ทำให้พื้นที่ตัวเมืองภูเก็ตในเส้นทางที่ใช้ประกอบพิธีแห่พระถูกปกคลุมไปด้วยเสียงและควันจากประทัด

อย่างไรก็ตาม สำหรับศาลเจ้ากะทู้ ซึ่งเป็นศาลเจ้าเก่าแก่ของภูเก็ต มีอายุกว่า 200 ปี นับว่าเป็นศาลเจ้าที่มีความสำคัญมาก เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของประเพณีถือศีลกินผักของชาวภูเก็ตที่สืบต่อมากระทั่งปัจจุบัน ศาลเจ้ากะทู้ตั้งอยู่ในชุมชนบ้านกะทู้ อ.กะทู้ ตามประวัตินั้นในสมัยที่มีชาวจีนเป็นจำนวนมากเข้ามาเป็นกรรมกรเหมืองแร่ในภูเก็ตได้เกิดโรคระบาดขึ้น คณะงิ้วจากเมืองจีนที่มาทำการแสดงที่บ้านกะทู้ เกรงว่าอาจเป็นเพราะพวกตนไม่ได้ถือศีลกินผักตามที่เคยปฏิบัติกันมาที่ประเทศจีน จึงได้จัดพิธีถือศีลกินผักขึ้น 9 วัน 9 คืน ตามความเชื่อที่มีมา รวมทั้งช่วยกันสร้างศาลเจ้าแห่งนี้ด้วย หลังจากนั้น โรคร้ายก็หายไป ชาวบ้านกะทู้เกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงจัดให้มีพิธีถือศีลกินผักต่อเนื่องกันมา จากนั้นไม่นานประเพณีถือศีลกินผักก็แพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ

ต่อมา หลวงอำนาจนรารักษ์ (ต้นตระกูลตัณฑเวทย์) ซึ่งเป็นนายเหมืองใหญ่ และเป็นผู้นำชุมชนบ้านกะทู้ได้ส่งคนไปนำเอา “เหี่ยวเอี้ยน” หรือขี้เถ้าธูป และกระถางธูปจากมณฑลกังใส ประเทศจีน มาไว้ที่ศาลเจ้ากะทู้ เพื่อให้พิธีถือศีลกินผักมีความถูกต้องสมบูรณ์ ศาลเจ้ากะทู้จึงได้ชื่อว่าเป็นจุดกำเนิดของประเพณีถือศีลกินผักบนเกาะภูเก็ตในปัจจุบัน

ขอขอบคุณ http://www.manager.co.th/

Both comments and pings are currently closed.

Comments are closed.

. . . . . . .
. . . . . . .