ประวัติวัดพราหมณี (วัดหลวงพ่อปากแดง)

0480062001300490045

วัดพราหมณีสร้างขึ้นเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.5) เสด็จประพาสมณฑลปราจีนบุรี เมื่อมาถึงบริเวณวัด ช้างทรงเชือกหนึ่งได้ล้มลง จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ เมื่อปี พ.ศ.2446 ปัจจุบันนี้มีอายุ 100 กว่าปีแล้ว

วัดพราหมณีเคยได้ถูกทิ้งร้างไปในช่วงหนึ่ง กระทั่งในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา หรือสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นได้เลือกบริเวณที่ตั้งของวัดพราหมณีและเขาทุเรียนเป็นจุดพักทัพของกองพลทหารที่ 37 ซึ่งมีจุดหมายจะไปรวมพลกันที่บริเวณเขาชะโงก (ปัจจุบัน คือ สถานที่ตั้งของโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จังหวัดนครนายก) จนสงครามสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2488 จึงมีทหารญี่ปุ่นล้มตายอยู่ในเขต จ.นครนายก หลายแห่งด้วยกัน ปรากฏว่ามีการค้นพบกระดูกของทหารญี่ปุ่นใกล้วัดพราหมณี ดังนั้น สมาคมทหารสหายสงครามกองพลญี่ปุ่นที่ 37 ได้ร่วมกันบริจาคเงินในนามสมาคมสหายสงครามสร้างอนุสรณ์สถานไว้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงทหารญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2532

ปี 2526 พระครูโสภณพรหมคุณ หรือ “หลวงพ่อตึ๋ง” เจ้าอาวาสวัดพราหมณีได้บูรณะวัดขึ้นใหม่ โดยเล่าว่า ตำนานเชื่อกันหลวงพ่อปากแดง เป็นพระพุทธรูปพี่น้องกับหลวงพ่อพระสุก และหลวงพ่อพระใส ที่ประดิษฐานอยู่ที่ จ.หนองคาย ในปัจจุบัน ที่ได้อัญเชิญมาจากนครเวียงจันทน์ พอมาถึงประเทศไทย ชาวบ้านได้แยกย้ายไปตามวัดต่างๆ ส่วนหลวงพ่อปากแดงนั้น ถูกชาวบ้านอัญเชิญและนำมาหยุดยังพื้นที่ว่างบริเวณที่เป็นวัดพราหมณี ปัจจุบันนี้ จากนั้นก็ลงมือสร้างวัดแล้วก็อัญเชิญองค์หลวงพ่อขึ้นเป็นพระประธานในพระ อุโบสถ ซึ่งต่อมา “หลวงพ่อปากแดง” ก็กลายมาเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของชาว จ.นครนายก สิ่งที่เด่นสะดุดตา คือ ที่ปากของหลวงพ่อมีสีแดงสด เหมือนมีผู้นำลิปสติกไปทาไว้ ผู้เฒ่าผู้แก่ย่านนั้นยืนยัน ว่าเห็นปากท่านแดงแบบนี้ มาตั้งแต่เกิด แม้แต่ปู่ย่าตายายของผู้เฒ่าเหล่านี้ก็บอกว่าเห็นมาตั้งแต่เกิดเหมือนกัน จนทุกวันนี้ โดยความเชื่อของประชาชนที่เดินทางไปเที่ยวน้ำตกสาริกา จะต้องแวะกราบสักการบูชา พร้อมกับบนบานด้วยกล้วยน้ำว้า 9 หวี หมากพลู 9 ชุด พวงมาลัย 9 พวง และน้ำแดง 1 ขวด กันอย่างล้นหลาม พร้อมทั้งตั้งจิตอธิษฐานให้สมความปรารถนาแก่ตัวเอง

ก่อนจะถึงพระอุโบสถหลวงพ่อปากแดงนั้น ทางซ้ายของอุโบสถ จะมี “ศาลเจ้าแม่ตะเคียน” ซึ่งอยู่คู่มากับอุโบสถมาเป็นเวลาช้านาน เคยมีผู้ที่มากราบไหว้และบนไว้ เมื่อบนได้สำเร็จ ก็จะมาแก้บนด้วยการซื้อเสื้อผ้าชุดไทย มาถวายแก่เจ้าแม่ตะเคียนด้วย

เมื่อเราเดินมาถึงพระอุโบสถของหลวงพ่อปากแดงแล้ว จะพบรูปปั้นช้างตัวเขื่องอยู่หน้าพระอุโบสถ ทางซ้ายของพระอุโบสถจะเป็นพลายทอง ทางขวาจะเป็นพลายเงิน ซึ่งทางวัดจะให้นักท่องเที่ยวได้จุดธูปกราบไหว้หลวงพ่อปากแดงจากด้านนอก ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของพระอุโบสถวัดพราหมณีนั้น สร้างเป็นศาลาจัตุรมุขประดิษฐานพระพุทธรูปปางประทานพร ด้านหน้าพระพุทธรูปเป็นแท่นหินจารึกอักษรญี่ปุ่น ด้านซ้ายพระพุทธรูปเป็นแท่นหินอ่อน โดยมีการจารึกข้อความไว้อาลัย สดุดีความกล้าหาญ และระลึกถึงไว้ที่ฐานพระพุทธรูป

เข้ามาภายในพระอุโบสถจะพบกับพระพุทธบาตรจำลอง และเทียนชัย ซึ่งนี่แหล่ะเป็นจุดที่ทำให้หลวงพ่อปากแดงโด่งดังเป็นพลุแตก เนื่องจากน้ำตาเทียนที่เกิดขึ้น ได้สร้างโอกาสให้แก่ผู้ที่ชอบเสี่ยงโชค ซึ่งงานนี้เรียกได้ว่า ตาดีได้ ตาร้ายเสีย ซึ่งโดยส่วนใหญ่ผู้ที่มา มักจะโชคดีกลับไปเสมอ

หลังจากที่ได้กราบไหว้หลวงพ่อปากแดงแล้ว เรายังสามารถที่จะเที่ยวชมส่วนอื่นๆ ของวัดพราหมณีได้อีก ประกอบด้วย วิหารเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งจัดสร้างโดยกลุ่มนักธุรกิจจากไต้หวัน, ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช, อุทยานการศึกษา มีรูปปั้นสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์อยู่รอบบริเวณวัด เช่น ช้างพันธุ์แอฟริกา, กวาง, ควายป่า ฯลฯ สวนพักจิตร (สวนต้นไทร) ใช้เป็นที่พักผ่อนทำสมาธิหรือทำกิจกรรมยามว่าง

ขอขอบคุณ http://www.khaoyaizone.com

Both comments and pings are currently closed.

Comments are closed.

. . . . . . .
. . . . . . .