” ลูกเอ๋ย ก่อนจะเที่ยวไปขอบารมีหลวงพ่อองค์ใด เจ้าจะต้องมีทุนของตัวเอง คือบารมีของตนลงทุนไปก่อน เมื่อบารมีของเจ้าไม่พอ จึงค่อยยืมบารมีคนอื่นมาช่วย มิฉะนั้นเจ้าจะเอาตัวไม่รอด เพราะนี้สินในบุญบารมี ที่เที่ยวไปขอยืมมาจนพ้นตัว เมื่อทำบุญทำกุศลได้บารมีมา ก็ต้องเอาไปผ่อนใช้หนี้เขาจนหมด ไม่มีอะไรเหลือติดตัว แล้วเจ้าจะมีอะไรไว้ในภพหน้า หมั่นสร้างบารมีไว้ แล้วฟ้าดินจะช่วยเจ้า
จงจำไว้นะ เมื่อยังไม่ถึงเวลา เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้ ครั้นเมื่อถึงเวลา ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่ จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า ”
เป็นคำเทศนาของหลวงพ่อโตที่ให้ไว้ในนิมิตหลังจากที่ท่านล่วงลับไปแล้วร้อยกว่าปี เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านคงเคยได้ยินคำเทศนานี้ จึงเป็นที่มาของการทำความดี ควรทำอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ
“วัดหลวงพ่อโต” หรือที่มักจะเรียกกันว่า “วัดสรพงษ์” ที่แห่งนี่ไม่มีพระจำพรรษา เนื่องจากไม่ใช่วัด แต่เป็น “มูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เมตตา บารมี” โดยมีคุณสรพงษ์ ชาตรี และคุณดวงเดือน จิไธสงค์ เป็นประธานก่อสร้าง ด้วยมุ่งหวังให้ผู้ที่เคารพศรัทธาได้มีโอกาสกราบนมัสการ “รูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)”ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็นมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือบุคคลผู้ด้อยโอกาสด้วย
“มูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เมตตา บารมี” บางครั้งก็เรียกกันว่า “อุทยานมูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)” มีพื้นที่บริเวณกว้างขวางมากเชิญทุกท่านไปพร้อม ๆ กับทีมงานเราเลยค่ะ
จากริมถนนมิตรภาพทุกท่านจะสังเกตเห็นอาคารที่มีการก่อสร้างอย่างสวยงามอยู่ไกล ๆ ก็เลี้ยวซ้ายขับตรงไว้วนตามวงเวียนจนไปถึงลานจอดรถ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวทั้งมากันเองทั้งมากันเป็นรถทัวร์ใหญ่ เดินกันขวักไขว่ ที่บริเวณใกล้ ๆ กับลานจอดรถจะมีโรงทานให้บริการอาหารสำหรับผู้ที่มาทำบุญทุกท่าน โดยจะได้ยินเสียงเชื้อเชิญให้เข้าไปได้ตลอดเวลา ตั้งแต่เช้าจรดเย็น (ประมาณ 6 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็น อาหารเป็นราดหน้าชาววัง ซึ่งญาติของทีมงานของเราท่านหนึ่งเคยมาแล้ว การันตีถึงความอร่อย หลังจากรับประทานแล้ว ถ้าท่านใดพอมีกำลังทรัพย์ก็ร่วมกันบริจาคเพื่อต่อยอดบุญให้ถึงคนที่มาภายหลัง และต่อไป)
จากการเดินทางมาใช้เวลาพอสมควรจึงขออนุญาตแวะห้องน้ำกันก่อนสักเล็กน้อย ซึ่งห้องน้ำห้องท่าก็สะอาดสะอ้านน่าใช้อาคารห้องน้ำทำตกแต่งแบบเรือนไทยถ้ามองเผิน ๆ จะไม่นึกเลยว่าเป็นห้องน้ำ และบริเวณรอบ ๆ จัดเป็นสวนสาธารณะ (เป็นสวนหิน สวนน้ำตก) เป็นที่มุมสงบเพื่อพักผ่อน จากนั้นเดินผ่านเข้าไปในอาคารลักษณะคล้ายศาลาขนาดย่อมภายในมีซุ้มทำบุญ ให้เช่าวัตถุมงคลต่าง ๆ พอออกมาก็จะพบกับลานบุญ และสะพานเชื่อมต่อไปยังมหาวิหารของสมเด็จโตฯ
ภายในมหาวิหารของสมเด็จโตฯ ภายนอกวิหารมีความวิจิตรบรรจงสร้างขึ้นมาอย่างสวยงาม เลยขึ้นไปตามบันไดที่ซ้อนกันเป็นชั้น ๆ โดยรอบวิหารเหมือนเป็นฐานวิหาร จากนั้นจึงเดินเข้าสู่ภายในมหาวิหารสมเด็จโต ซึ่ง ณ วันที่ทางทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมของเราเข้าไปนั้น การตกแต่งผนังภายในวิหารยังไม่สมบูรณ์ดี
แต่องค์หลวงพ่อโตภายในมหาวิหารสมเด็จโตนั้น ใหญ่มาก ๆ องค์สีทองเหลืองอร่าม (หล่อจากทองเหลือง เป็นชิ้น ๆ ประมาณ 127 ชิ้น แล้วนำมาเชื่อมต่อภายในวิหารจนได้เป็นองค์สมเด็จโตฯ เต็มองค์สูงประมาณชั้นสองของตึก)
การเดินทาง : มูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) นี้ อยู่ริมถนนมิตรภาพฝั่งขาเข้าโคราช ในเขตอำเภอสีคิ้ว ห่างจากตัวเมืองโคราชประมาณ 45 กิโลเมตร วัดหลวงพ่อโต หรือมูลนิธิสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) อยู่ทางซ้ายมือ
ขอขอบคุณ http://www.thongteaw.com/