ครั้นมาถึงปี 2552-2553 คนไทยไม่น้อยก็น้ำตาตกอีกครั้งหนึ่ง ที่เห็นคนไทยด้วยกันเองย่ำยีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่เคยเป็นศูนย์กลางราชธานีกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นทั้งพระราชวัง และเป็นวัดของพระมหากษัตริย์ไปพร้อมๆกัน
ใครมาเห็นก็ต้องตกใจว่า ผ่านไปหลายเดือนแล้วก็ยังไม่มีการแก้ไขปัญหาตามที่เป็นข่าว ร้านค้าร้านขายปลูกเพิงขายกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันรอบๆวัดมงคลบพิตร จากที่เคยเห็นเป็นวัดที่สง่างามกลับมีสิ่งรกรุงรุงรังปิดทางเดิน ไม่ต่างกับเป็นเส้นทางบังคับว่า เมื่อลงจากรถในบริเวณลานจอดแล้วก็ต้องเดินผ่านตลาดนัดกันก่อนแล้วค่อยขึ้นไปไหว้พระ ทั้งของกินของใช้ เสื้อผ้า กางเกงใน แขวนขายกันข้างวิหารพระมงคลบพิตร กันอย่างหน้าตาเฉย
มาเห็นของจริงในวันนี้แล้วรู้สึกว่า มันเสื่อมโทรม และทุเรศทุรังกว่าที่คิดไว้มากทีเดียว แสดงว่าหลังจากตกเป็นข่าวและถูกวิพากษ์วิจารณ์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็แทบไม่ได้ทำอะไรเลย
มันต่างกับมรดกโลกที่เคยไปเที่ยวในประเทศต่างๆที่อยู่รอบๆบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นเมืองหลวงพระบางของลาว นครวัด-นครธมของเขมร หรือเมืองเก่ามะละกาของมาเลเซีย ไกลหน่อยก็เป็นประเทศเวียดนาม และอีกหลายๆแห่งในประเทศจีน
ทุกประเทศต่างเห็นคุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรมที่คนรุ่นหลังจะต้องรักษาไว้ แต่บ้านเรากลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม โดยเฉพาะหน่วยงานที่ดูแล ปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้อย่างไร
Read more »