Archive for the ‘ขอพรหลวงพ่อ วัดในภาคเหนือ’ Category

ไหว้พระวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร

Jomthong

วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เดิมชื่อวัดพระธาตุเจ้าศรีจอมทองตั้งอยู่ถนนเชียงใหม่-ฮอด หมู่ 2 ตำบลบ้านหลวงอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่เป็นพระธาตุประจำปีชวด วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหาร บริเวณที่ตั้งเป็นเนินดินสูงประมาณ 10 เมตร เรียกกันมาตั้งแต่อดีตว่าดอยจอมทองตามประวัติสันนิษฐานว่า เป็นวัดที่สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 20แต่จากลักษณะทางศิลปกรรมของสิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัด ปรากฏเป็นลักษณะของศิลปกรรมในสมัยหลังพุทธศตวรรษที่ 24 ซึ่งเป็นห้วงระยะเวลาของยุคฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่

สถานที่สำคัญภายในวัด
พระอุโบสถ
ลักษณะทรงไทยหน้าบันลงปิดทองสวยงาม สร้างสมัยท่านเจ้าคุณสุวรรณโมลีฯ (สุวรรณบรมธาตุบริหาร) เดิมภายในพระอุโบสถมีประพุทธรูปสามองค์สร้างด้วยไม้แกะสลัก พระประธานในพระอุโบสถเป็นปางถวายเนตร ซึ่งแตกต่างจากพระอุโบสถในล้านนาทั่วไป บริเวณประตูทางเข้าพระอุโบสถได้ฝังสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ตามประเพณีของล้านนา จึงไม่อนุญาตให้สุภาพสตรีขึ้นไปยังพระอุโบสถ ภายในมีรูปวาดฝาผนังแสดงตำนานพระธาตุศรีจอมทอง และรูปเทวดาในชั้นต่างๆ

หอพระไตรปิฎก
สร้างสมัยท่านเจ้าคุณสุวรรณโมลีฯ (สุวรรณบรมธาตุบริหาร) อยู่ด้านหลังพระอุโบสถ เป็นอาคารสองชั้นครึ่งตึกครึ่งไม้สำหรับเก็บพระไตรปิฎกมาบรูณะใหม่ประมาณ พ.ศ. 2534 แล้วเสร็จ พ.ศ. 2536 สมัยพระครูสุวิทยธรรม

Read more »

วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร

watprathatsrijomthong1

วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เดิมชื่อวัดพระธาตุเจ้าศรีจอมทองตั้งอยู่ถนนเชียงใหม่-ฮอด หมู่ 2 ตำบลบ้านหลวงอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่เป็นพระธาตุประจำปีชวด วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เป็น พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร บริเวณที่ตั้ง เป็นเนินดินสูง ประมาณ 10 เมตร เรียกกันมาตั้งแต่อดีตว่าดอยจอมทองตามประวัติสันนิษฐานว่า เป็นวัดที่สร้างขึ้นใน ราวพุทธ ศตวรรษที่ 20แต่จากลักษณะทางศิลปกรรมของสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ภายในวัด ปรากฏเป็นลักษณะของศิลปกรรม ในสมัยหลัง พุทธศตวรรษที่ 24ซึ่งเป็นห้วงระยะเวลาของยุคฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่

สิ่งสำคัญภายในวัด คือ พระบรมธาตุเจดีย์ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดดอยจอมทองอันเป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุส่วนพระเศียรเบื้องขวา ซึ่งมีความพิเศษแตกต่างจากที่อื่น คือเป็นพระบรมธาตุที่มิได้ฝังใต้ดินแต่ประดิษฐานอยู่ในกู่ภาย ในพระวิหารสามารถอันเชิญ มาสรงน้ำได้ พระบรมธาตุแห่งนี้มีตำนานเล่าว่าพระพุทธเจ้าได้เสด็จมายังดอยนี้ และ ทรงพยากรณ์ว่าที่นี่จะเป็นที่ประดิษฐาน พระบรมธาตุของพระองในภายหน้า ต่อมาราวปี พ.ศ.1995 นางเม็ง และ นานสอยได้พบพระบรมธาตุ จึงได้ก่อพระเจดีย์และสร้าง เสนาสนะที่ดอยดินทอง จึงได้ชื่อว่า วัดจอมทอง ต่อมาพระเมืองแก้วกษัตริย์องค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์มังรายได้สร้าง พระวิหารขึ้นมา

ประเพณีสำคัญ
– สรงน้ำพระบรมธาตุ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ เหนือ
– แห่ไม้ค้ำโพธิ์ วันสงกรานต์
– คติของชาวล้านนามีความเชื่อว่าเป็นพระธาตุประจำปีเกิด (ปีชวด)
กิจกรรม
– พิธีทำบุญถวายภัตตาหาร,ฟังเทศน์ทุกวันพระ (วันธัมมัสสวนะ)
– ปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐาน (สติปัฎฐาน ๔) ตลอดทั้งปี
– และกิจกรรมอื่นๆ ตามโอ

Read more »

วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร จ.เชียงใหม่ พระอารามหลวง ชั้นตรี

chomthong3

วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ตั้งอยู่หมู่ที่ ๒ ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่

สร้างเมื่อพุทธศักราช ๑๙๙๔ โดยนายสร้อย นางเม็ง เป็นผู้สร้างขึ้นบนดอยจอมทอง จึงได้ชื่อว่า “ วัดพระธาตุเจ้าศรีจอมทอง ” สูงจากที่ราบ ๑๐ เมตร อยู่ทางทิศใต้ของจังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากอำเภอเมือง เชียงใหม่ ๕๘ กิโลเมตร ทางทิศตะวันตกมีเทือกเขาเรียกว่า “ดอยอินทนนท์” และลำน้ำแม่กลาง วัดนี้สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย

– ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อพุทธศักราช ๒๔๗๐
– ได้รับพระราชทานยกฐานะวัดขึ้นเป็นวัดพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิด วรวิหาร เมื่อวันที่ ๓๐ เดือน พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๐๖
– ได้รับเป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง ประจำปี ๒๕๒๔ ของกรมการศาสนา
– กระทรวงศึกษาธิการได้รับเป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง ที่มีผลงานดีเด่น ประจำปี ๒๕๓๘ ของกรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ

ขอขอบคุณ http://www.dhammathai.org

ก่อนการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ผู้ปฏิบัติควรจะเตรียมตัวอย่างไร?–สำนักวิปัสสนากรรมฐาน วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร

___________________10

ก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติผู้ปฏิบัติควรจะตัดหรือละไว้ชั่วคราว บ่วง ๑๐ บ่วง (ปลิโพธิ) ซึ่งหากไม่มีการละหรือวาง จะทำให้ไม่สามารถเจริญวิปัสสนาได้ บ่วงทั้ง ๑๐ คือ
o ที่อยู่อาศัย ความกังวลเรื่องที่อยู่อาศัยของตนเอง
o ตระกูล ความกังวล คือตระกูล คือ ตระกูลญาติหรือตระกูลอุปัฏฐาก
o ลาภ ความกังวลถึงผลประโยชน์ในปัจจัย ๔ ,ของรางวัล และรายได้ต่างๆ
o หมู่คณะ ความกังวลถึงบุคคลรอบข้าง
o การงาน ความกังวลถึงหน้าที่การงาน การกระทำ การก่อสร้างต่างๆ
o การเดินทาง ความกังวลถึงการเดินทาง
o ญาติ ความกังวลถึงญาติ คือ ญาติในวัดเช่น พระอาจารย์ และญาติในบ้าน คือ พ่อ แม่ พี่ น้อง
o อาพาธ ,พยาธิ ความกังวลถึงโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้นกับตน
o การศึกษา ความกังวลถึงการศึกษาเล่าเรียน
o อิทธิฤทธิ์ ความกังวลถึงการบรรลุถึงอิทธิฤทธิ์

สิ่งของที่ผู้จะเข้าปฏิบัติต้องเตรียมมีอะไรบ้าง?

บัตรประจำตัวประชาชน หรือ หนังสือสุทธิ(สำหรับพระภิกษุ) ชาวต่างประเทศต้องมีหนังสือเดินทาง และวีซ่าที่สมบูรณ์และถูกต้อง ซึ่งทางสำนักจะเก็บรักษาไว้ตลอดที่ผู้ปฏิบัติเข้าอยู่ปฏิบัติ การแต่งกาย เสื้อ – ผ้า ชุดขาว (หาซื้อได้บริเวณหน้าวัด)
– นักปฏิบัติธรรมชาย เสื้อ – กางเกงขายาวสีขาว
– นักปฏิบัติธรรมหญิง ผ้าถุงหรือกางเกงขายาว – สไบ – เสื้อขาว เสื้อทับในขาว (สวมทับชั้นในให้ดูเรียบร้อย) กระโปรงซับในขาว (เมื่อนุ่งผ้าถุง) ตามแต่ความสะดวกและเหมาะสม
ห้ามเสื้อคอกว้าง – รัดรูป – แขนกุด – เอวลอย

Read more »

สำนักวิปัสสนากรรมฐาน วัดพระธาตุศรีจอมทอง วรวิหาร

207

สำนักวิปัสสนากรรมฐาน วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร
สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดเชียงใหม่ แห่งที่ 1

โดย พระเดชพระคุณ ท่านเจ้าคุณพระธรรมมังคลาจารย์ วิ. (พระอาจารย์ทอง สิริมงฺคโล)
หัวหน้าพระวิปัสสนาจารย์หนเหนือ กองการวิปัสสนาธุระ และเจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร
เป็นเจ้าสำนักวิปัสสนากรรมฐาน ให้การสอน การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ในแนว สติปัฐฐาน ๔
ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน จนถึงระดับสูง สำหรับภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ตลอดจนผู้ที่สนใจ ทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ และมีการจัดให้สอบอารมณ์พระกรรมฐาน โดยพระวิปัสสนาจารย์ ผู้ผ่านการฝึกฝนการสอบอารมณ์พระกรรมฐาน ทุกวัน (ยกเว้นวันพระ)

สำนักวิปัสสนากรรมฐาน วัดพระธาตุศรีจอมทอง รองรับการฝึกฝน การปฏิบัติเจริญวิปัสสนากรรมฐาน โดยมีที่พัก รองรับ ทั้ง แบบ เดี่ยว และแบบหมู่คณะ โดยมีกุฏิสำกรับผู้ปฏิบัติธรรม มากกว่า ๒๐๐ หลัง

คำแนะนำสำหรับโยคีผู้ปฏิบัติธรรม

การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานนั้น ผู้ปฏิบัติธรรมสามารถปฏิบัติได้ ภายในกุฏิของตนเอง หรือสถานที่อื่นตามแต่ผู้ปฏิบัติจะเลือก ในการเข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่สำนักนี้ ผู้ปฏิบัติธรรมแต่ละท่านจะได้รับคำแนะนำการปฏิบัติจากพระอาจารย์ผู้สอน โดยจะเป็นไปตามแนวทางสติปัฏฐาน ๔ คือ กาย เวทนา จิต และธรรม ซึ่งการปฏิบัติจะประกอบด้วย การนั่งสมาธิ ซึ่งให้ความสำคัญที่การพอง และ ยุบของหน้าท้อง ขณะหายใจ และการเดินจงกรม ซึ่งให้ความสนใจที่การเคลื่อนไหวของเท้า ระหว่างการเดิน การปฏิบัติจะแบ่งออกเป็นชุด (บัลลังค์) โดยเริ่มจากการกราบ ตามด้วยการเดินจงกลม และการนั่งสมาธิ ผู้ที่เริ่มต้นฝึกอาจจะเริ่มที่การเดินจงกลม และการนั่งสมาธิอย่างละ ๑๐ นาที และค่อยๆเพิ่มระยะเวลาการเดิน และการนั่งต่อไป จนถึงการปฏิบัติ ทวนญาณ และ อธิษฐาน ดับสงบ

ชุดที่ใช้ใส่ระหว่างปฏิบัติเป็นสีขาว และสุภาพเรียบร้อย นอกจากนี้ ผู้ปฏิบัติะธรรม จะต้องอาราธนา ถือศีล ๘ คือ

ทางสำนักจะจัดอาหารให้กับผู้ปฏิบัติวันละ ๒ มื้อคือ เช้าเวลา ๐๖.๐๐ น. และเพล เวลา ๑๑.๐๐ น. โดยมีให้เลือกแบบธรรมดาและมังสะวิรัติ สำหรับช่วงเวลาหลังเที่ยงไปจนถึงเช้ามืดของวันรุ่งขึ้นนั้น ผู้ปฏิบัติไม่สามารถรับประทานอาหารอีก (สามารถดื่มนม ชา กาแฟ ได้) สำหรับผู้ที่มีความต้องการเรื่องอาหารเพิ่มเติม สามารถปรึกษากับเจ้าหน้าที่ของสำนักได้เมื่อมาถึง

Read more »

สำนักปฏิบัติธรรมวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร

DSC_6309

สำนักปฏิบัติธรรมวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหารก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๔ โดย พระเดชพระคุณพระธรรมมังคลาจารย์ วิ. (พระอาจารย์ทอง สิริมงฺคโล) ซึ่งในขณะนั้นดำรงสมณศักดิ์ที่ พระสุพรหมายาน วิ. ซึ่งได้รับพระบัญชาจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ให้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสพระอารามหลวง วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
จึงได้ทำการฟื้นฟูและส่งเสริมการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในแนวสติปัฏฐาน ๔ โดยริเริ่มก่อตั้งเป็นสำนักปฏิบัติธรรมขึ้น มีการซื้อที่ดินขยายพื้นที่ในการก่อสร้างกุฏิ อาคาร และศาลาต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการฝึกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอาทิเช่น อาคารพระสัทธรรม เป็นอาคารสูง ๕ ชั้น,ศาลาราชพรหมานุสรณ์,ภัตตศาลาเทพสิทธาจารย์ ๘๔,ศาลาลานธรรมลานโพธิ์,ธรรมศาลา,ศาลาสอบอารมณ์,สำนักงานวิปัสสนาธุระ,กุฏิผู้ปฏิบัติทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ซึ่งมีผู้สนใจมาฝึกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานกันเป็นจำนวนมาก

สำนักปฏิบัติธรรม วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร ตั้งอยู่ในเขตสังฆาวาสของวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร มีพื้นที่เป็น ๒ ใน ๓ ส่วนของพื้นที่ทั้งหมดของวัด ปัจจุบันสำนักปฏิบัติธรรมวัดพระธาตุศรีจอมทอง สามารถรับรองผู้เข้าปฏิบัติธรรม หรือ กลุ่มคณะบุคคลผู้สนใจได้ พร้อมกันเป็นจำนวนมากอีกทั้งในยังเป็นสำนักปฏิบัติธรรมที่สามารถผลิตบุคคลากรด้านวิปัสสนา ซึ่งเรียกว่า พระวิปัสสนาจารย์ ส่งออกไปเผยแผ่ได้เป็นจำนวนมาก
พ.ศ. ๒๕๔๖ เป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดเชียงใหม่ แห่งที่ ๑
พ.ศ.๒๕๕๒ เป็นสำนักปฎิบัติธรรมประจำจังหวัดดีเด่น
เป็นศูนย์ฝึกพระวิปัสสนาจารย์ ประจำหนเหนือ

ขอขอบคุณ http://www.watchomtong.org/

วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร

วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหารเดิมชื่อ วัดพระธาตุเจ้าศรีจอมทอง ตั้งอยู่ถนนเชียงใหม่ – ฮอด หมู่ ๒ ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากตัวจังหวัดเชียงใหม่ ประมาณ ๕๘ กิโลเมตร    วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เป็น พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๖ บริเวณที่ตั้ง เป็นเนินดินสูง ประมาณ ๑๐ เมตร เรียกกันมาตั้งแต่อดีตว่า ดอยจอมทอง ตามประวัติสันนิษฐานว่า เป็นวัดที่สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ ๒๐ แต่จากลักษณะทางศิลปกรรมของสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ภายในวัด ปรากฏเป็นลักษณะของศิลปกรรมในสมัยหลังพุทธศตวรรษที่ ๒๔ ซึ่งเป็นห้วงระยะเวลาของยุคฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่

พ.ศ. ๑๙๙๔ สร้างบนดอยจอมทอง ชื่อว่า วัดพระธาตุเจ้าศรีจอมทอง ทางทิศตะวันตกมีทิวเขา อินทนนท์ และลำน้ำแม่กลาง
พ.ศ. ๒๔๗๐ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา
พ.ศ. ๒๕๐๖ ได้รับพระราชทานยกฐานะวัดขึ้นเป็นวัดพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิด วรวิหาร
พ.ศ. ๒๕๒๔ เป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง ของกรมการศาสนา
พ.ศ. ๒๕๓๘ เป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง ที่มีผลงานดีเด่น ของ กรมการศาสนา

วัดพระธาตุศรีจอมทองเป็นสถานที่ประดิษฐานของพระทักขิณโมลีธาตุ พระธาตุส่วนที่เป็นพระเศียรเบื้องขวาของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีขนาดโตประมาณ เมล็ดข้าวโพด สันฐานกลมเกลี้ยง สีขาวนวลเหมือน ดอกบวบ หรือ สีคล้ายดอกพิกุลแห้ง ตามประวัติเล่าว่า พระเจ้าอโศกมหาราช เป็นผู้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่ ดอยจอมทอง ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๑๘ ปัจจุบัน พระธาตุ ถูกบรรจุไว้ในพระโกศ ๕ ชั้น ซึ่งตั้งอยู่ภายใน พระวิหารจตุรมุข ก่ออิฐถือปูนทั้งองค์ มีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส คล้ายพระเจดีย์ กว้าง ๔ เมตร สูง ๘ เมตร ตามประวัติว่าสร้างขึ้นโดย พระเจ้าดิลกปนัดดาธิราช หรือ พระเมืองแก้ว กษัตริย์ราชวงศ์มังราย เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. ๒๐๖๐

Read more »

เจ้าอาวาส วัดพระธาตุศรีจอมทอง วรวิหาร

AjarnTong08

พระธรรมมังคลาจารย์ วิ. ฉายา สิริมงฺคโล อายุ ๘๙ ปี พรรษา ๖๙ (พ.ศ.๒๕๕๕)

ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง
เจ้าอาวาส วัดพระธาตุศรีจอมทอง วรวิหาร อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่
ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่
เจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดเชียงใหม่แห่งที่ ๑
ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาพระวิปัสสนาจารย์ภาคเหนือ
ที่ปรึกษาสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ

สถานเดิม
ชื่อ ทอง นามสกุล พรหมเสน เกิดเมื่อวันที่ ๒๑ เดือนกันยายน พุทธศักราช ๒๔๖๖ ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีกุน ณ ตำบลบ้านแอ่น อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ บิดาชื่อ นายทา นามสกุล พรหมเสน มารดาชื่อ นางแต้ม นามสกุล พรหมเสน

บรรพชาอุปสมบท
บรรพชาเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม พ.ศ.๒๔๗๗ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๒ ณ วัดนาแก่ง ตำบลบ้านแอ่น อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี พระชัยวงศ์ เป็นพระ-อุปัชฌาย์
อุปสมบท เมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๘๗ ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๓ ณ วัดบ้านแอ่น ตำบลบ้านแอ่น อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีพระครูคัมภีรธรรม พฺรหฺมปญฺโญ เจ้าอาวาสวัดพระชัยเกียรติ เป็นพระอุปัชฌาย์พระอธิการญาณรังษี วัดหัวยทราย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระมหาจันทร์ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เป็นพระอนุสาวนาจารย์

Read more »

วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร

watchomtong01_1

วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เดิมชื่อ วัดพระธาตุเจ้าศรีจอมทอง ตั้งอยู่ถนนเชียงใหม่-ฮอด หมู่ 2 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากตัวจังหวัดเชียงใหม่ประมาณ 58 กิโลเมตร วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เป็น พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 บริเวณที่ตั้ง เป็นเนินดินสูง ประมาณ 10 เมตร เรียกกันมาตั้งแต่อดีตว่า ดอยจอมทอง ตามประวัติสันนิษฐานว่า เป็นวัดที่สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 20 แต่จากลักษณะทางศิลปกรรมของสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ภายในวัด ปรากฏเป็นลักษณะของศิลปกรรม ในสมัยหลังพุทธศตวรรษที่ 24 ซึ่งเป็นห้วงระยะเวลาของยุคฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่

ขอขอบคุณ http://www.watchomtong.org/

ตำนานและประวัติวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร

พระธาตุศรีจอมทอง

วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เดิมชื่อ วัดพระธาตุเจ้าศรีจอมทอง ตั้งอยู่ถนนเชียงใหม่-ฮอด หมู่ 2 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากตัวจังหวัดเชียงใหม่ประมาณ 58 กิโลเมตร วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เป็น พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 บริเวณที่ตั้ง เป็นเนินดินสูง ประมาณ 10 เมตร เรียกกันมาตั้งแต่อดีตว่า ดอยจอมทอง ตามประวัติสันนิษฐานว่า เป็นวัดที่สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 20 แต่จากลักษณะทางศิลปกรรมของสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ภายในวัด ปรากฏเป็นลักษณะของศิลปกรรม ในสมัยหลังพุทธศตวรรษที่ 24 ซึ่งเป็นห้วงระยะเวลาของยุคฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่

ประดิษฐานพระบรมธาตุ
ตามตำนานที่กล่าวถึงความเป็นมาของพระบรมธาตุศรีจอมทอง ดอยศรีจอมทองนั้น ได้แก่ที่ตั้งของวัดพระธาตุศรีจอมทองในปัจจุบันนี้ ซึ่งมีลักษณะเป็นภูเขาดินสูงจากระดับที่พื้นราบอื่น ๆ ในบริเวณนั้น ที่ตั้งพระวิหารอันเป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุเจ้าจอมทอง จะเป็นยอดของดอยลูกนี้ในสมัยพุทธกาล และมีเมืองอยู่เมืองหนึ่งชื่อว่า “เมืองอังครัฏฐะ” มีเจ้าผู้ครองเมืองนั้นนามว่า พระยาอังครัฎฐะ ซึ่งเมืองนี้ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับดอยจอมทองลูกนี้ ซึ่งพระยาอังครัฎฐะนั้นได้ทราบข่าวจากพ่อค้าที่มาจากอินเดียว่า “บัดนี้พระพุทธเจ้าได้บังเกิดในโลกแล้ว เวลานี้ประทับอยู่ที่เมืองราชคฤห์ในประเทศอินเดีย” จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานขอให้พระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรด เมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบด้วยพระญาณแล้ว จึงเสด็จสู่เมืองอังครัฏฐะพร้อมด้วยภิกษุสาวกทางอากาศ ได้มารับอาหารบิณฑบาตจาก พระยาอังครัฏฐะ และ ทรงแสดงธรรมโปรดพร้อมทั้งได้ตรัสพยากรณ์ไว้ว่า “เมื่อเรานิพพาน แล้วธาตุพระเศียรเบื้องขวา (พระทักษิณโมลี) ของเราจักมาประดิษฐานอยู่ ณ ที่ดอยจอมทองแห่งนี้” แล้วเสด็จกลับ ส่วนพระยาอังครัฏฐะเมื่อได้ทราบจากคำพยากรณ์นั้นแล้ว จึงได้สร้างสถูปไว้บนยอดดอยจอมทอง ด้วยหวังว่าจะให้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุตามที่พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ไว้นั้น พระยาอังครัฎฐะอยู่ครองราชย์จนสิ้นพระชนมายุของพระองค์

ต่อมาภายหลังเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว โทณพราหมณ์ได้จัดแบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้แก่กษัตริย์ทั้งแปดนคร ซึ่งในครั้งนั้น มัลลกษัตริย์แห่งเมืองกุสินารา ทรงได้พระทักษิณโมลีธาตุไว้ พระมหากัสสปะเถระเจ้าประธานฝ่ายสงฆ์ จึงได้กราบทูลมัลลกษัตริย์ถึงพุทธพยากรณ์ที่พุทธองค์เคยตรัสไว้ มัลลกษัตริย์ทราบ ดังนั้นจึงถวายพระบรมธาตุแด่พระมหากัสสปะเถระ ซึ่งท่านก็ได้อัญเชิญพระบรมธาตุวางไว้บนฝ่ามือ แล้วอธิษฐานอาราธนาพระบรมธาตุให้เสด็จไปยังดอยจอมทอง เพื่อประทับอยู่ในโกศแก้วอินทนิลภายในเจดีย์ทองคำ ที่พญาอังครัฎฐะได้สร้างถวายไว้ อยู่ที่ยอดดอยจอมทอง ตามที่พระพุทธองค์ได้พยากรณ์ไว้

Read more »

กาลครั้งหนึ่งต้องไป…วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์

อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ถ้าจะชม ช้อป ชิม ไร่มะขามหวานอันลือชื่อ หรือ ขนมจีนเส้นสด ไก่ย่างวิเชียรบุรี ก็ต้องมากันที่จังหวัดเพชรบูรณ์ อยากสัมผัสอากาศหนาวจริงและหนาวจัด ทิวเขา ทะเลหมอก น้ำตก ทุ่งหญ้า ป่าไม้ ศึกษาประวัติศาสตร์โบราณ ประวัติศาสตร์การเมือง ศิลปวัฒนธรรม ศาสนสถาน ที่จังหวัดเพชรบูรณ์มีพร้อม แถมไม่ต้องไปไกลมากมายด้วย เพราะจังหวัดนี้ตั้งอยู่ในเขตคาบเกี่ยว คือเป็นภาคเหนือตอนล่าง หรือภาคกลางตอนบน ที่แวดล้อมไปด้วยพื้นที่ป่าเขาเขียวขจี มีภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงทิวทัศน์สวยงาม มีแม่น้ำป่าสักไหลผ่าน และอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 346 กิโลเมตรเท่านั้น

ฉบับนี้คู่หูพาเที่ยวขอพาท่านผู้อ่านไปทำความรู้จักกับอีกหนึ่งสถานที่ที่ ท่านต้องขีดเส้นใต้ไว้อย่างชัดๆ ว่า กาลครั้งหนึ่งต้องไป(ให้ได้)… วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ตั้งอยู่บนพื้นที่ 91 ไร่ บนถนนเส้นทางหลวงหมายเลข 12 พิษณุโลก-หล่มสัก บริเวณยอดเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง เริ่มก่อสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2547 ในนาม “พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว” และได้รับการอนุมัติจัดตั้งเป็นวัด ในนามว่า “วัดพระธาตุผาแก้ว” เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2553 โดยมี พระครูปลัด ปารมี สุรยุทโธ เป็นเจ้าอาวาส ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น “วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว” เมื่อ 30 พฤษภาคม 2556 เพื่อให้สอดคล้องกับบริเวณที่ตั้ง ซึ่งแต่เดิมชาวบ้านเรียกกันว่า ผาซ่อนแก้ว

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม เงียบสงบ โดดเด่นด้วยความงดงามขององค์พระธาตุเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้บน ยอดเจดีย์ ซึ่งสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ประทานให้แก่ทางวัด เมื่อปี พ.ศ.2543 และบริเวณใต้ฐานพระเจดีย์จะใช้เป็นที่เก็บรวบรวมหลักธรรมคำสอน, ภาพปริศนาธรรม และเป็นที่เจริญสติภาวนา สำหรับพุทธศาสนิกชนทั่วไป

Read more »

เที่ยววัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว

7C5B71ED7DBBB271BF14A40F833F5_h498_w598_m2

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ใกล้ฤดูฝนกันแล้ว ช่วงเข้าพรรษา เพื่อนๆวางแผนให้คุณพ่อคุณแม่ หาที่ปฏิบัติธรรมกันหรือยังค่ะ วันนี้เขาค้อรีสอร์ท อยากขอเชิญชวนเพื่อนๆ พาครอบครัวมาทำบุญปฏิบัติธรรมกันค่ะที่นี่เลย

วัดพระธุาตุผาซ่อนแก้ว (อะแอ่ม ) ทำไมต้องเป็นที่นี่นะหรือค่ะ )

เหตุผลมีมากมายค่ะ

1 สวยที่สุด 2 เย็นสบายที่สุด 3 เบิกบานใจที่สุด และ 4 อลังการงานสร้างที่สุด 5 มีความสุขที่สุดค่ะ ( เหมาะมากทั้งนักปฏิบัติและพวกชอบถ่ายรูปทั้งหลายค่ะ)

เริ่มกันเลยนะคะ …..จังหวัดเพชรบูรณ์ อยู่ไม่ไกลจาก กทม.เลยค่ะ ขับรถเพียง 4 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว เพียงเพื่อนๆมุ่งหน้ามาทางรังสิต ขับรถตรงตลอด มาทางตัวเมืองสระบุรี ก่อนถึงจะมีป้าย จ.เพชรบูรณ์ เพื่อนๆ ก็เลี้ยวตามป้ายมาเลย นะคะ จากนั้น ก็วิ่งตรงตลอดก็ถึง เพชรบูรณ์ เมืองมะขามหวานแล้วค่ะ สังเกตุเห็นร้านมะขามหวานตั้งแต่เข้ามาในจังหวัดกันเลยที่เดียว
สถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกที่อยากให้เพื่อนๆแวะกัน ก็คือ….
1.อุทยานเพชรบุระ ค่ะ ที่นี่มีพระพุทธมหาธรรมราชา ใหญ่ที่สุดในประเทศ ภายในมีพิพิธภัณฑ์ ด้านหลังมีสระน้ำสวยงามมากค่ะ
2. หลังจากไห้วพระขอพรเสร็จแล้ว เราก็ไปเขาค้อกันเลย ขับรถมุ่งหน้าไปทางอ.หล่มสัก 30 กม. นะคะ เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 12 ป้ายเขียนว่า พิษณุโลก ขับตามไปเลยค่ะ 22 กม. แล้วเพื่อนๆ ก็จะได้ พบกับวัดที่สวยงามที่สุดใน จังหวัดเพชรบูรณ์ นั่นก็คือ

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว หรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า (วัดผาซ่อนแก้ว)วัดนี้อยู่ใกล้เขาค้อรีสอร์ท ของเรานะคะ ห่างกันเพียงแค่ 4 กม.เท่านั้น ที่นี่ สวยงามเงียบสงบ เดินถ่ายรูปกันได้ไม่เบื่อเลยที่เดียว ( ปล.แต่เพื่อนๆ ต้องเบาๆ น่ะคะห้ามคุยเสียงดัง) เพราะจะรบกวนคนที่มาปฏิบัติธรรม อีกอย่าง ห้าม แต่งตัวโป๊ะ ด้วยค่ะ ยาวๆไว้เป็นดี ภายนอกและภายในของวัดตกแต่งด้วยกระเบื้องลายเบญจรงค์สีต่างๆ วิจิตรงดงามมาก เมื่อคุณได้มาเที่ยวสักครั้งรับรองว่า จะอยากชวนคนทีคุณรักมาเยี่ยมเยียนทีนี่อีกแน่นอนค่ะ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้วนี้ ยังเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวแคมป์สน เรานะคะ ใครมาเขาค้อแล้วมาไม่ถึงวัดแห่งนี้ ก็ถือว่ายังมาไม่ถึงเขาค้อนั่นเอง
…………….กว่าเพื่อนๆ จะถ่ายรูปไหว้พระ เก็บมุมนู้นนี่นั่นเสร็จก็คงจะเย็นพอดีค่ะ ขอบอกว่าที่นี่อากาศเย็นมากๆ ในฤดูฝนและหนาว นะคะ ถ้าจะให้ดีเตรียมเสื้อแขนยาวมาด้วยค่ะ
3. เที่ยววัดเสร็จแล้ว หิวกันหรือยังค่ะ เข้าเช็คอินท์ที่ เขาค้อรีสอร์ท ก่อนค่ะ ห่างไปแค่ 4 กทม. ที่รีสอร์ทนี้อาหารอร่อยเว่อร์ บรรยากาศสบายๆ ค่ะเหมือนบ้านส่วนตัวของเราเลย รถยนต์จอดหน้าบ้านได้ทุกหลัง ไม่ต้องเดินไกล วันนี้ พักผ่อนกันก่อนนะคะพรุ่งนี้ลุยต่อ

ขอขอบคุณ http://www.khaokhoresort.com/

พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว(วัดพระธาตุผาแก้ว)

A2BD1024427C406EAEAF39D1B237_h498_w598_m2

พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เริ่มก่อสร้างราวปลายปี 2547 โดย คุณภาวิณี และ คุณอุไร โชติกูล ผู้มีจิตศรัทธาซื้อที่ดินถวาย เพื่อก่อสร้างเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ผาซ่อนแก้ว อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีภูเขาสูง ซ้อนกันเป็นทิวเขาเรียงรายโอบล้อมบริเวณศาลาปฏิบัติธรรม มีถ้ำอยู่บนยอดเขา ซึ่งมีชาวบ้านหลายคน เห็นลูกแก้วลอยเหนือฟากฟ้า และลับหายเข้าไปในถ้ำบนยอดผา ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นสถานที่มงคลและศักดิ์สิทธิ์ จึงเป็นที่มาของชื่อ “พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว” เพื่อเป็นนิมิตมงคลแก่ชาวบ้านทางแดง และผู้มาปฏิบัติธรรมสืบไป สถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่สอนปฏิบัติการเจริญสติปัฏฐาน 4 ซึ่งเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ทรงชี้ว่าเป็นทางสายเอกที่นำไปสู่ความบริสุทธิ์ของกายและใจ ความดับทุกข์ การเข้าถึงมรรคและพระนิพพาน พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว เป็นที่วิเวกสงบโอบล้อมด้วยธรรมชาติที่งดงาม เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดสมาธิ ดังนั้น สถานที่แห่งนี้จึงสร้างให้เหมาะกับเหตุปัจจัย ที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่จะช่วยน้อมนำมาสู่ธรรมชาติภายในของตนเอง

Read more »

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว

1375956252

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2547 ในนาม”พุทธธรรมสถานผาซ่อนแก้ว” ได้รับการอนุมัติจัดตั้งเป็นวัดในมงคลนามว่า”วัดพระธาตุผาแก้ว”เมืีอวันที่ 1 ก.ค. 2553 จากคณะกรรมการมหาเถรสมาคม โดยมีพระครูสังฆรักษ์ ปารมี สุรยุทโธ เป็นเจ้าอาวาส

วัดพระธาตุผาแก้ว ตั้งอยู่ในชัยภูมิธรรม ณ บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ โดย คุณภาวิณี และ คุณอุไร โชติกูล ได้มีจิตศรัทธาซื้อที่ดินถวายเริ่มแรกจำนวน 25 ไร่ เพื่อก่อสร้างเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ปัจจุบันมีผู้ร่วมถวายปัจจัยซื้อที่ดินเพิ่มรวมทั้งสิ้นมีที่ดินรวม 91 ไร่

พระครูสังฆรักษ์ปารมี สุรยุทโธ และ พระครูใบฎีกาอำนาจ โอภาโส สองครูบาอาจารย์คู่บุญคู่บารมี ร่วมกับคณะศิษยานุศิษย์และเหล่าผู้มีจิตศรัทธาจากทั่วประเทศได้ร่วมกันจัดสร้างเสนาสนะ กุฏิที่พักสงฆ์ อาคารปฎิบัติและบรรยายธรรม รวมถึงอาคารที่พักของผู้มาภาวนาเพื่อรองรับคณะผู้มีจิตศรัทธาจากทุกแห่งหนทีหลั่งไหลกันเข้ามาอบรมภาวนาในแนวสติปัฎฐานสี่ แห่งองค์พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากันอย่างต่อเนื่อง เป็นที่ปิติยินดียิ่งของครูบาอาจารย์กับเหล่าบรรดาศิษยานุศิษย์ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจ..สละทั้งแรงกายและแรงทรัพย์ในการจัดสร้าง และสมกับคุณค่าแห่งความเสียสละ ความอุตสาหะ วิริยะ และมุ่งมั่นตั้งใจที่ได้ตั้งไว้โดยชอบแล้ว…

Read more »

วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์

147527

วัดพระธาตุผาแก้ว ศาสน สถานที่สร้างขึ้นท่ามกลางธรรมชาติและบรรยากาศที่เงียบสงบ เทือกเขาสลับซับซ้อนโดยรอบมีพระเจดีย์ที่งดงามโดดเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอดเขา คือ เจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว สิริราชย์ธรรมนฤมิต เจดีย์ที่ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยกระเบื้องหลากหลายสี เครื่องประดับ พลอย สร้อย กำไล ถ้วยชามเครื่องเบญจรงค์ เป็นต้น นำมาตกแต่งทีละชิ้นๆ จนทั่วองค์พระเจดีย์ รอบๆ องค์พระเจดีย์แบ่งเป็นสถานที่พักของนักปฏิบัติธรรม และเขตสังฆาวาส แยกเป็นสัดส่วน ที่สะดุดตากว่าสถานที่ปฏิบัติธรรมแห่งอื่นๆ อยู่ที่การสร้างกุฎิ อาคารที่พักของนักปฏิบัติธรรมอย่างสวยงาม กลมกลืนกับธรรมชาติ ด้วยยึดหลักที่ว่า หากได้อยู่ในสถานที่สงบสวยงาม จิดใจก็จะสงบได้โดยง่าย

ประวัติความเป็นมาวัด พระธาตุผาแก้ว เดิมชื่อพุทธธรรมสถานพระธาตุผาซ่อนแก้ว เป็นสถานที่ปฎิบัติธรรมซึ่งมีทิวทัศน์สวยงามรอบด้านมองเห็นผาซ่อนแก้วและทิว เขาสลับซับซ้อน มีศาลาปฎิบัติธรรมประดิษฐานพระพุทธรูปหยกงดงามภายในตกแต่งด้วยภาพวาดศิลปะ สวยงามแปลกตา ตั้งอยู่ ณ บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างในราวปลายปี 2547 โดย คุณภาวิณี และ คุณอุไร โชติกูล ได้มีจิตศรัทธาซื้อที่ดินถวายเริ่มแรกจำนวน 25 ไร่ เพื่อก่อสร้างเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ปัจจุบันมีผู้ร่วมถวายปัจจัยซื้อที่ดินเพิ่มรวมทั้งสิ้นมีที่ดินรวม 91 ไร่

Read more »

. . . . . . .
. . . . . . .