วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นใน พ.ศ.2350 เดิมพระราชทานนามว่า “วัดมหาสุทธาวาส” ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระวิหารขึ้นก่อนเพื่อประดิษฐานพระศรีศากยมุนี (พระโต) ซึ่งอัญเชิญมาจากพระวิหารหลวงวัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย แต่สิ้นรัชกาลก่อนที่จะประดิษฐานเป็นสังฆาราม จึงเรียกกันว่า วัดพระโต วัดพระใหญ่ หรือ วัดเสาชิงช้าบ้าง จนกระทั่งในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างต่อ และทรงจำหลักบานประตูพระวิหารด้วยพระองค์เอง แต่ก็สิ้นรัชกาลเสียก่อนที่การก่อสร้างจะแล้วเสร็จ
การก่อสร้างวัดมาเสร็จบริบูรณ์ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพ.ศ.2390 พระราชทานนามว่า “วัดสุทัศนเทพวราราม” ปรากฏในจดหมาย เหตุว่า “วัดสุทัศนเทพธาราม” และใน รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรง ผูกนามพระประธานในพระวิหาร พระอุโบสถ และศาลาการเปรียญให้คล้องกันว่า “พระศรีศากยมุนี พระพุทธตรีโลกเชษฐ์ พระพุทธเสรฏฐมุนี”
พระศรีศากยมุนี เป็นพระประธานในพระวิหารหลวง หล่อด้วยโลหะสำริด หน้าตักกว้าง 3 วา 1 คืบ สูง 4 วา พระนาม พระศรีศากยมุนีได้รับถวายจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในภายหลัง เดิมเป็นพระประธานประดิษฐานอยู่ในพระวิหารหลวงวัดมหาธาตุ เมืองสุโขทัย แต่พระวิหารถูกทอดทิ้งปรักหักพังลงองค์พระ พุทธรูปต้องกรำแดดฝนอยู่เป็นเวลานานจนชำรุดเสียหาย กระทั่งได้รับการปฏิสังขรณ์และ เททองใหม่แล้ว จึงเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุด และนับเป็นพระพุทธรูปหล่อที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ไทย ในยุคก่อน 25 พุทธศตวรรษ
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้ให้อัญเชิญมายังกรุงเทพฯ โดยชะลอลงมาด้วยแพล่องตามลำน้ำเมื่อปีพ.ศ.2351 เมื่อมาถึงให้ทอดทุ่นอยู่กลางน้ำ หน้าตำหนักแพ บริเวณท่าช้างปัจจุบัน โปรดให้มีพิธีสงฆ์และงานสมโภชทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นเวลา 3 วัน จากนั้นอัญเชิญขึ้นบก แต่ไม่สามารถผ่านประตูเมืองได้ ถึงกับต้องรื้อกำแพงพระนครลง เมื่อพระพุทธรูปผ่านได้แล้วจึงได้ก่อกำแพงขึ้นใหม่ สถานที่แห่งนี้จึงได้ชื่อว่าท่าพระ
จากท่าพระทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้อัญเชิญพระพุทธรูปด้วยขบวนแห่อันยิ่งใหญ่ สองข้างทางผ่านชาวบ้านซึ่งแต่งโต๊ะหมู่บูชากันเกือบทุกบ้าน ทรงพระดำเนินด้วยพระบาทเปล่าตามกระบวนแห่ด้วย มีพระราชดำริจะสร้างพระอารามที่มีพระวิหารใหญ่อย่างวัดพนัญเชิงที่อยุธยา โดยประดิษฐานไว้กลางพระนคร แต่ในรัชสมัยของพระองค์ทำได้เพียงอัญเชิญองค์พระขึ้นตั้งไว้ ตัววิหารลงมือสร้างในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
ภายในวัดสุทัศนเทพวรารามเป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชา นุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล โดยได้อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารมาบรรจุที่ผ้าทิพย์ด้านหน้าพุทธบัลลังก์ พระศรีศากยมุนีเมื่อพ.ศ.2493 ส่วนด้านหลังบัลลังก์พระพุทธรูปมีแผ่นศิลาสลัก เป็นศิลปะแบบทวารวดี เป็นรูปสลักปิดทองปางยมกปาฏิหาริย์ และปางประทานเทศนาในสวรรค์
ขอขอบคุณ http://www.khaosod.co.th/