แรกเริ่มเดิมทีวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่จะถึงนี้ฉันว่าจะไปเที่ยวทะเลเสียหน่อย แต่พอได้ฟังพยากรณ์อากาศแล้วช่างไม่เป็นใจเอาเสียเลย เพราะคลื่นลมแรง ฝนก็ตก ไม่เหมาะกับการไปพักผ่อนริมชายหาดสักเท่าไร ว่าแล้วก็เลยเปลี่ยนแผนมาเที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพฯ เหมือนเดิม แบบว่าไม่ต้องออกไปถึงทะเล ไปแค่ปากน้ำก็พอ
ปากน้ำที่ฉันว่านั้นก็คือเมืองปากน้ำ หรือ จ.สมุทรปราการ นี่เอง ที่ว่าเป็นปากน้ำก็เพราะเป็นเป็นทางออกของแม่น้ำเจ้าพระยาไปสู่ทะเลอ่าวไทยนั่นเอง
และถ้าบอกว่าจะมาเที่ยวที่เมืองปากน้ำ ฉันคิดว่าใครๆ ก็คงอยากเห็นพระเจดีย์กลางน้ำเป็นแน่ แต่ต้องบอกกันไว้ก่อนว่า หากไปขับรถเที่ยวหาเจดีย์ที่อยู่กลางน้ำตอนนี้แล้วไม่มีทางเจออย่างแน่นอน เพราะนี่เป็นชื่อเรียกที่ติดปากชาวบ้านกันมาแต่ดั้งเดิม ซึ่งเป็นที่มาและเรื่องราวการสร้าง “องค์พระสมุทรเจดีย์” นั่นเอง
เหตุที่เรียกว่าพระเจดีย์กลางน้ำนั้นก็เพราะว่า ในสมัยแรกที่มีการสร้างนั้น พื้นที่ตรงนี้มีลักษณะเป็นเกาะมีน้ำล้อมรอบ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ทรงมีพระราชดำริให้สร้างพระเจดีย์ขึ้นบนเกาะนั้น เพื่อเป็นที่สักการบูชาของผู้คนที่เดินทางผ่านไปผ่านมาให้เป็นสิริมงคล และป้องกันภัยอันตรายทั้งปวงได้
โดยพื้นที่ของสมุทรปราการในสมัยก่อนนั้น เป็นเมืองเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ตัวเมืองเก่าจริงๆ นั้นอยู่ในบริเวณ อ.พระประแดง และมีชื่อเรียกในตอนนั้นว่าเมืองพระประแดง ใช้เป็นสถานที่พักของชาวต่างชาติที่มาติดต่อค้าขายกับชาวไทย เนื่องจากเป็นบริเวณปากอ่าว มีการเดินทางสัญจรออกทะเลได้ง่าย
นอกจากจะมีพระราชดำริให้สร้างพระเจดีย์กลางน้ำแล้ว ก็ยังทรงพระราชทานนามพระมหาเจดีย์นี้ว่า “พระสมุทรเจดีย์” เนื่องจากมีพระราชประสงค์ให้เป็นศาสนสถานอันเป็นพระมหาเจดีย์คู่เมืองสมุทรปราการต่อไป แต่การก่อสร้างพระเจดีย์ยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้น ทำได้เพียงการถมศิลาเพิ่มฐาน ก็เสด็จสวรรคตไปเสียก่อน และพระสมุทรเจดีย์นั้นก็มาสร้างจนเสร็จสมบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 3
แต่พระสมุทรเจดีย์ที่เราเห็นกันในตอนนี้นั้นไม่ใช่องค์เดิมกับที่สร้างเสร็จสมัยรัชกาลที่ 3 แต่อย่างใด เพราะในรัชกาลที่ 4 เกิดมีมารศาสนาปีนขึ้นไปบนพระเจดีย์แล้วเจาะขโมยเอาพระบรมสารีริกธาตุที่บรรจุไว้ออกไป พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างองค์พระเจดีย์ที่ใหญ่และสูงขึ้นไปอีก ครอบพระเจดีย์องค์เดิมไว้ เพื่อไม่ให้มีใครปีนขึ้นไปได้อีก ดังนั้น จึงเป็นที่มาของพระสมุทรเจดีย์องค์ที่งามสง่า เห็นเด่นชัดอยู่จนปัจจุบันนี้
ถ้าถามว่าทำไมปัจจุบันไม่มีลักษณะของการเป็นเจดีย์กลางน้ำแล้ว ก็ต้องบอกว่าเมื่อกาลเวลาเปลี่ยนแปลงไป ตะกอนดินต่างๆ ก็ทับถมกันมากเข้า จนทำให้ตลิ่งทางฝั่งขวาของแม่น้ำยื่นออกมาจนเชื่อมติดกับเกาะกลางน้ำ และทำให้พระสมุทรเจดีย์องค์นี้ไม่ได้อยู่กลางน้ำอีกต่อไป
แต่ถึงไม่ใช่พระเจดีย์กลางน้ำ ความงดงามก็ยังไม่ได้จางหายไป สังเกตได้จากเมื่อยามที่เดินเข้ามาถึงบริเวณรอบๆ องค์พระสมุทรเจดีย์ จะมองเห็นความงดงามที่โดดเด่น ความขาวสะอาดขององค์พระเจดีย์ ตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้า และความเขียวขจีของต้นไม้และต้นหญ้า อีกทั้งยังมีทิวทัศน์ริมน้ำเจ้าพระยาเป็นฉากหลัง
ฉันเดินแวะชมนั่นชมนี่เรื่อยมาตามทาง แล้วก็มาถึง พระวิหารหลวง ที่ต้องเข้าไปนมัสการพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร ประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่ด้านใน เป็นพระพุทธรูปยืนแบพระหัตถ์สองข้างยกขึ้น เชื่อกันว่าการประดิษฐานพระปางห้ามสมุทรไว้ที่นี่จะช่วยห้ามสิ่งเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นจากทะเล อย่างเช่น พายุเข้าทางปากน้ำ
จากนั้นเดินลัดเลาะออกมาทางขวามือ ชมองค์พระสมุทรเจดีย์แล้วก็จะยังเห็นสิ่งก่อสร้างอีกหลายๆ อย่าง ตั้งแต่ หอระฆัง และ หอเทียน ที่อยู่ใกล้กับพระวิหารหลวง เก๋งจีน เป็นศาลารายเดิม ใช้เป็นศาลาที่พักที่สร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมจีน และยังมี หลักผูกเรือ ลักษณะเป็นหลักศิลาแปดเหลี่ยมที่ยอดเสาแกะสลักเป็นรูปดอกบัวตูม
อ้อมไปอีกด้านขององค์พระเจดีย์ จะเห็นอาคารทรงยุโรปที่เรียกว่า ตึกฝรั่ง หรือ ศาลาทรงยุโรป อาคารหลังนี้เพิ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นศาลาโถง 5 ห้อง ก่อสร้างในลักษณะทรงยุโรปประตูโค้งมน ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมต่างๆ ภายในมีปูนปั้นประดับประดาสวยงาม มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับการสร้างเมืองสมุทรปราการและการสร้างพระสมุทรเจดีย์ และที่ด้านในสุดประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ให้ได้ไปกราบสักการะกันด้วย
ส่วนที่ด้านหลังของศาลาทรงยุโรปจะเป็น ฐานโพธิ์ ที่สร้างขึ้นพร้อมๆ กับศาลาทรงยุโรปนี่เอง เดิมนั้นได้ปลูกต้นโพธิ์ไว้เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ แต่ต่อมาต้นโพธิ์ต้นเดิมถึงแก่อายุขัย จึงได้มีการนำหน่อโพธิ์พุทธคยามาปลูกไว้แทนที่เดิมจนกระทั่งปัจจุบัน
มาถึงองค์พระสมุทรเจดีย์ นอกจากจะมาสักการะองค์พระเจดีย์และพระพุทธรูปเพื่อความเป็นสิริมงคลกับตัวเองแล้ว ก็อย่าลืมมาเดินเล่มรับลมเย็นริมแม่น้ำกันหน่อย เพราะบริเวณนี้เขาได้ทำการปรับปรุงพื้นที่ให้สามารถมาเดินชมทัศนียภาพรอบๆ ได้แล้ว
ที่สำคัญ ในแต่ละปีนั้นทาง จ.สมุทรปราการ จะมีการจัดงานประจำปี “งานนมัสการองค์พระสมุทรเจดีย์” ขึ้นทุกๆ ปี โดยจะจัดงานตั้งแต่วันแรม 5 ค่ำเดือน 11 เป็นต้นไป เป็นเวลา 12 วัน 12 คืน ซึ่งถือว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่มาก มีพุทธศาสนิกชนแห่แหนมาร่วมงานบุญนี้เป็นจำนวนมาก โดยภายในงานจะมีประเพณีการห่มผ้าแดงให้แก่องค์พระสมุทรเจดีย์ ซึ่งชาวบ้านจะช่วยกันเย็บผ้าแดงผืนใหญ่นี้ มีพิธีการบวงสรวง ขบวนแห่ผ้าแดงทั้งทางบกและทางน้ำ ใครที่สนใจมาร่วมงานในปีนี้ก็เตรียมตัวรอให้พร้อมกันเลย
แต่สำหรับคนที่จะไปเที่ยวสมุทรปราการในวันเสาร์อาทิตย์ที่จะถึงนี้ (13-14 ก.ค. 56) ฉันขอแนะนำให้แวะไปเที่ยวงาน “รำลึก 120 ปี วิกฤตการณ์ ร.ศ.112” ที่จะจัดขึ้น ณ ป้อมพระจุลจอมเกล้า อ.พระสมุทรเจดีย์ อยู่ไม่ไกลจากองค์พระสมุทรเจดีย์มากนัก ในงานมีกิจกรรมมากมายทั้งนิทรรศการ งานเสวนา การแสดงแสงสีเสียง ถ้าไปสักการะองค์พระสมุทรเจดีย์แล้ว บ่ายๆ เย็นๆ ก็แวะไปเที่ยวงานสักหน่อย จะได้สนุกไม่เสียเที่ยว
“องค์พระสมุทรเจดีย์” ตั้งอยู่ที่ บ้านเจดีย์ ต.ปากคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 07.00-19.00 น.
การเดินทาง
รถยนต์ส่วนตัว ไปตามเส้นทางถนนสุขสวัสดิ์ เมื่อถึงทางแยกตรงหอนาฬิกาของอำเภอพระสมุทรเจดีย์ เลี้ยวซ้ายไปตามถนน ตรงไปสุดทางจะเจอองค์พระสมุทรเจดีย์
ทางเรือโดยสาร นั่งเรือข้ามฟาก จากฝั่งปากน้ำที่ท่าเรือวิบูลย์ศรี-พระสมุทรเจดีย์ ค่าโดยสารเรือ 3 บาท
รถโดยสาร สายที่ผ่านคือ สาย 20
ขอขอบคุณ http://www.manager.co.th/