ทางเข้าตั้งอยู่นอกเมืองกำแพงเพชรไปประมาณ 5 กิโลเมตร ตามถนนสายกำแพงเพชร – พรานกระต่าย แล้วเลี้ยวซ้ายตรงกิโลเมตรที่ 360 อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรแบ่งออกเป็นโบราณสถานฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิง ซึ่งใช้วัสดุก่อสร้างที่แตกต่างกัน ด้านตะวันออกของแม่น้ำปิงเป็นที่ตั้งเมืองกำแพงเพชร โบราณสถานจะสร้างด้วยศิลาแลงและมีขนาดใหญ่ ส่วนโบราณสถานฝั่งตะวันตกคือเมืองนครชุมก่อสร้างด้วยอิฐและมีขนาดเล็ก แต่รูปแบบศิลปะที่ปรากฏมีลักษณะร่วมสมัยระหว่างสุโขทัยและอยุธยา นอกจากนี้ยังมีโบราณสถานนอกเมืองกำแพงเพชร หรือเขตอรัญญิก ซึ่งเป็นที่อยู่ของสงฆ์ที่มุ่งในการปฎิบัติวิปัสสนาธรรม อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ระยะทาง 2 กิโลเมตร
อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรได้รับการประกาศให้เป็น “มรดกโลก” ร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยและอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย จากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2534 ผู้สนใจเข้าชมได้ทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น ค่าเข้าชมชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 40 บาท สำหรับผู้ที่จะนำรถเข้าชมในบริเวณอุทยานจะต้องเสียค่าผ่านประตูคันละ 50 บาท รายละเอียดติดต่อ โทร. 0 5571 1921, 0 5571 2528
สิ่งที่น่าสนใจในอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ได้แก่
วัดพระแก้ววัดพระแก้ว ตั้งอยู่กลางเมืองกำแพงเพชร เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มโบราณสถานมรดกโลกในอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร เป็นวัดที่สำคัญอยู่ติดกับบริเวณวังเช่นเดียวกับวัดพระศรีสรรเพชญ์ ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หรือวัดมหาธาตุกลางเมืองสุโขทัย ภายในบริเวณวัดประกอบด้วยเจดีย์ประธานที่ฐานมีสิงห์ล้อม เจดีย์ทรงกลมที่ฐานมีช้างรอบ วิหาร มณฑป อุโบสถ และเจดีย์ราย ทั้งหมดล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาแลงเป็นแท่งๆ โดยรอบ
วัดพระธาตุ ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกของวัดพระแก้ว มีพระเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมเป็นประธาน ล้อมรอบด้วยระเบียงคดที่เชื่อมต่อกับวิหารด้านทิศตะวันออก ที่สองข้างวิหารมีเจดีย์รายอยู่ ข้างละ 1 องค์ มีกำแพงแก้วล้อมรอบ
วัดพระนอนวัดพระนอน มีกำแพงศิลาแลงปักล้อมรอบวัดไว้ทั้ง 4 ด้าน ด้านหน้าวัดมีบ่อน้ำสี่เหลี่ยม มีห้องอาบน้ำและศาลาน้ำ ฐานและเสาเป็นศิลาแลงมีทางเท้าปูด้วยศิลาแลง มีโบสถ์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหน้า ด้านหลังเป็นวิหารพระนอน ก่อสร้างด้วยเสาศิลาแลงขนาดใหญ่ หลักฐานทางประติมากรรมที่พบคือ ใบเสมารูปเทพพนม พาลีกับทรพี สันนิษฐานว่าสลักขึ้นในสมัยอยุธยา
วัดพระสี่อิริยาบถวัดพระสี่อิริยาบถ หรือวัดพระยืน วัดนี้มีบ่อน้ำและที่อาบน้ำอยู่หน้าวัดเช่นเดียวกับวัดพระนอน กำแพงเป็นศิลาแลงปักตั้งล้อม 4 ด้าน ด้านหน้าวัดมีวิหารขนาดใหญ่ยกฐานสูง 2 เมตร มีเสาลูกกรงเป็นศิลาแลงเหลี่ยมและมีทับหลังบนมุขหน้าวิหาร สิ่งสำคัญของวัดได้แก่ มณฑปจตุรมุข แต่ละทิศประดิษฐานพระพุทธรูป 4 ปาง คือ เดิน นั่ง ยืน นอน อยู่โดยรอบทั้ง 4 ทิศตามลำดับ ปัจจุบันเหลือเพียงพระยืนขนาดใหญ่ที่สวยงาม พระพักตร์เป็นลักษณะพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยแบบกำแพงเพชรคือ พระนลาฏกว้าง พระหนุเสี้ยม
วัดพระสิงห์วัดพระสิงห์ ถัดจากวัดพระสี่อิริยาบถไปทางทิศเหนือประมาณ 100 เมตร สันนิษฐานว่าใช้เวลาสร้างถึง 2 สมัย คือ สมัยสุโขทัยและสมัยอยุธยา ผังรวมของวัดแบ่งเขตพุทธาวาสให้อยู่ในกลุ่มกลางล้อมรอบด้วยเขตสังฆาวาสหรือกุฏิสงฆ์ โดยมีพระเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมมีซุ้มทั้ง 4 ด้านเป็นประธาน ด้านหน้าเป็นพระอุโบสถขนาดใหญ่ ยกฐานประทักษิณสูง บนฐานประทักษิณนี้ประดิษฐานพัทธสีมาไว้ทั้งแปดทิศ มุขด้านหน้าของฐานประทักษิณมีรูปสิงห์ รูปนาค ประดับ
วัดช้างรอบวัดช้างรอบ เป็นวัดที่สร้างบนยอดเนิน มีพระเจดีย์ทรงลังกา ซึ่งยอดหักพังหมดแล้ว มีบันไดทางขึ้นทั้งสี่ด้าน ที่ชั้นฐานลานประทักษิณประดับด้วยช้างทรงเครื่องครึ่งตัว จำนวน 68 เชือก ระหว่างช้างแต่ละเชือกมีภาพปั้นรูปลายพรรณพฤกษาในพระพุทธศาสนา เช่น ต้นโพธิ์ และต้นสาละ เป็นต้น
เริ่มจากวัดริมทาง
เริ่มจากวัดริมทาง เดินทางเข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรด้านประตูบริเวณโรงเรียนบ้านบ่อสามแสน ผ่านวัดอาวาสใหญ่ตามเส้นทางเข้ามาเรื่อยๆ จะเห็นโบราณสถานแรกด้านซ้ายมือคือวัดริมทาง ก่อนถึงวัดริมทางยังมีทางแยกเข้าวัดมะเคล็ด วัดพการาม ได้อีก แต่ถ้าหากมีเวลาจำกัดก็ต้องตามเส้นทางหลักเข้าไป วัดช้างรอบซึ่งผ่านวัดริมทางนี้
วัดริมทาง
วัดริมทาง อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๒๐-๒๑ (พ.ศ.๒๑๐๐-๒๒๙๙) วัดนี้อยู่ในกลุ่มวัดทางด้านเหนือของเขตอรัญญิกเมืองกำแพงเพชร โบราณสถานที่เป็นประธานของวัดคือ วิหารก่อศิลาแลง ล้อมรอบด้วยกำแพงวัดซึ่งใช้ศิลาแลงแท่งสี่เหลี่ยมปักเรียงต่อกันไป นอกจากนี้ยังมีฐานศาลา ฐานกุฎิสงฆ์ บ่อน้ำ และที่อาบน้ำด้วย
วัดป่ามืด
วัดป่ามืด จากวัดริมทางไปตามเส้นทางในอุทยานประวัติศาสตร์จะผ่านวัดช้างรอบ วัดพระสิงห์ วัดพระสี่อิริยาบถ วัดพระนอน ซึ่งได้แยกรูปออกไปบรรยายต่างหากเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนและไม่ยากเกินไป อ่านที่ข้อมูลของแต่ละวัดอีกทีนะครับ
เมื่อผ่านวัดต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วก็จะมีพื้นที่วัดอีกกลุ่มหนึ่ง เริ่มที่วัดป่ามืด ซึ่งมีวัดป่ามืดใน วัดป่ามืดนอก
วัดหมาผี
วัดหมาผี ถัดเข้ามาจากวัดป่ามืด มีอีกหลายๆ วัดติดๆ กันเข้ามาเรื่อยๆ มาสะดุดอยู่ที่วัดแห่งนี้ ชื่อวัดหมาผี สภาพที่เหลืออยู่มีหลักฐานไม่มากชิ้น ก็เลยถ่ายมาเฉพาะภาพด้านหน้ามุมไกลให้เห็นป้ายชื่อวัดเท่านั้นเอง
วัดมณฑป
วัดมณฑป ชื่อวัดมาจากลักษณะของเจดีย์ทรงมณฑป (ฐานรูปจตุรัสเรือนธาตุก่อเป็นแท่งสูง มีซุ้มเพื่อประดิษฐานพระพุทธรูปภายในคล้ายมณฑป) มีเจดีย์รายสี่องค์ตั้งอยู่หลังวิหาร สิ่งก่อสร้างทั้งหมดนี้ล้อมรอบด้วยกำแพงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีทางเข้าสี่ทาง มีบ่อน้ำอยู่นอกกำแพง ลักษณะสถาปัตยกรรมของวัดมณฑปอาจกล่าวได้ว่าสร้างขึ้นประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๙-๒๐
อยู่ถัดจากวัดหมาผีมาไม่ไกลนัก เมื่อถึงวัดนี้แล้วก็ขับกลับออกไปทางเดิมจนถึงวัดพระนอนเพื่อออกจากอุทยานประวัติศาสตร์โซนนี้ไปอีกโซนหนึ่ง
วัดสระแก้ว
วัดสระแก้ว อยู่ตรงประตูเข้าออกอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร สำหรับอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรมีแบ่งพื้นที่กันและอยู่ไกลกันมาก แต่ซื้อตั๋วเข้าชม ราคาตั๋วก็มีเข้าชมโซนเดียว หรือ ชมทั้งหมด 2 ราคาครับ ถ้าซื้อ 2 โซนก็เข้าชมแต่ละโซนได้ไม่ต้องซื้ออีกรอบ
มรดกโลก
มรดกโลก อุทยานประวัติศาสตร์ สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร
คณะกรรมการมรดกโลกแห่งอนุสัญญาคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติของโลก ได้ประกาศเมื่อปี พุทธศักราช 2534 ให้อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร เป็นมรดกโลกเนื่องจากหลักฐานที่ปรากฏ แสดงให้เห็นถึงผลงานอันล้ำเลิศทางสถาปัตยกรรมไทยยุคแรก ความงดงามอลังการของศิลปกรรม และสถาปัตยกรรมแห่งอาณาจักรสุโขทัย เป็นประจักษ์พยานของความรุ่งเรืองในอดีต แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญา และประวัติศาสตร์การก่อตั้งประเทศ
หลักฐานที่เป็นผลงานอันเลิศนี้ ปรากฏอยู่มากมายในอุทยานประวัติศาสตร์ทั้ง 3 แห่ง ซึ่งถือได้ว่าเป็นต้นแบบของศิลปะไทย ทั้งด้านสถาปัตยกรรมและประติมากรรมที่ส่งอิทธิพลต่อมายังศิลปะสมัยอยุธยา
ประตูเข้าออกระหว่างโซนของอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร
ประตูเข้าออกระหว่างโซนของอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร
ขอขอบคุณhttp://www.touronthai.com/