ทำบุญยามค่ำ วัดหัวลำโพง-มูลนิธิร่วมกตัญญู

573464

บางทีอารมณ์อยากทำบุญไหว้พระของคนเราก็เกิดขึ้นได้ตอนกลางคืน “วัดหัวลำโพง” จึงเป็นสถานที่อันดับแรก ๆ ที่คนกรุงนึกถึง

บางทีอารมณ์อยากทำบุญไหว้พระของคนเราก็เกิดขึ้นได้ตอนกลางคืน “วัดหัวลำโพง” จึงเป็นสถานที่อันดับแรก ๆ ที่คนกรุงนึกถึง นั่นเพราะ เดินทางสะดวก และไม่จำกัดเวลาทำบุญแค่ตอนกลางวัน

วัดหัวลำโพง สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นวัดราษฎร์ แต่ไม่มีหลักฐานปรากฎว่าใครคือผู้สร้าง วัดนี้เดิมชื่อว่า วัดวัวลำพอง เหตุที่ชื่อวัวลำพองเพราะว่า ตามความนิยมที่ชื่อของวัดจะพ้องกับชื่อหมู่บ้าน ชาวบ้านกับวัดส่วนใหญ่ของไทยเรา มักมีชื่อเหมือนกัน หรือมีความหมายเดียวกัน

ต่อมาถึงรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่5 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเส้นทางคมนาคม และสถานีรถไฟขึ้น โดยโปรดฯ ให้สร้างสถานีรถไฟสายหนึ่งขึ้น ที่ริมคลองผดุงกรุงเกษม จากนั้นทรงพระราชทานนามว่า หัวลำโพง ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2447 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่5 ทรงเสด็จมาทอดผ้าพระกฐิน และได้โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อวัดเสียใหม่ พระราชทานนามว่า วัดหัวลำโพง

ด้วยการที่วัดหัวลำโพงอยู่ติดกับรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสามย่าน ทำให้เดินทางสะดวก และเป็นวัดให้ผู้ที่ต้องการทำบุญมาทำบุญในช่วงเย็นได้ จึงทำให้เป็นหนึ่งสถานที่ที่มีผู้คนให้ความสนใจมาทำบุญเป็นจำนวนมาก นอกจากการทำบุญไหว้พระภายในวัดแล้ว การทำบุญปล่อยวัว-กระบือ ก็เป็นอีกหนึ่งการทำบุญที่พบได้ในวัดหัวลำโพง

นอกจากนี้ ใกล้ ๆ วัดหัวลำโพงยังมี มูลนิธิร่วมกตัญญูที่เปิดให้ผู้ที่สนใจอยากทำบุญทำได้ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยการทำบุญไหว้เทพเจ้าแบบจีน และการเปิด24ชั่วโมง ทำให้มีผู้ที่อยากทำบุญแวะเวียนมาทำบุญอยู่ตลอดเวลา และสิ่งที่ได้รับความสนใจจากผู้ที่มาทำบุญของที่นี่คือการทำบุญซื้อโลงศพให้แก่ศพไม่มีญาติ ซึ่งการบริจาคโลงศพนั้น เชื่อกันว่าจะได้อานิสงส์แรง จะช่วยเสริมดวงชะตาให้แข็งแกร่ง สามารถต้านเคราะห์ภัยหนักต่าง ๆ และผ่อนหนักเป็นเบาได้

สำหรับการเดินทางมาวัดหัวลำโพงและมูลนิธิร่วมกตัญญูนั้น สามารถเลือกเดินทางมาได้ทั้งทางรถไฟฟ้าใต้ดิน ลงสถานีสามย่าน และออกประตู 1 จะเจอวัดหัวลำโพงทันที่ หรือจะนั่งรถเมล์มาลงที่ป้ายมาลงบริเวณป้ายหน้าจามจุรีสแควร์

ขอขอบคุณ http://www.madchima.org/

Both comments and pings are currently closed.

Comments are closed.

. . . . . . .
. . . . . . .