พระจุฬามณีเจดีย์ วัดคีรีวงศ์ อ.เมือง จ.นครสวรรค์

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

พระจุฬามณีเจดีย์ ตั้งอยู่บนยอดเขาดาวดึงส์ วัดคีรีวงศ์ กลางใจเมืองนครสวรรค์ เมื่อเดินทางถึงเมืองนครสวรรค์แล้ว จะมองเห็นพระจุฬามณีเจดีย์ งามสง่า
พระเดชพระคุณ ท่านเจ้าคุณพระราชพรหมาจารย์ (หลวงพ่อมหาบุญรอด) เจ้าอาวาสวัดคีรีวงศ์ รองเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ได้ริเริ่มสร้าง พระจุฬามณีเจดีย์ เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๒๔ โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้าง ประมาณ ๓๕ ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้ก่อสร้างไปแล้วประมาณ ๙๐ เปอร์เซ็นต์

โดยมีวัตถุประสงค์โดยย่อ ๘ ประการ

(๑) เพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา

(๒) เพื่อยกย่องเชิดชูพระพุทธศาสนา

(๓) เพื่อประกาศเกียรติคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

(๔) เพื่อสนองคุณพระพุทธศาสนา

(๕) เพื่อปลูกศรัทธาประชาชนให้เข้าวัด สร้าง กุศล ปฏิบัติธรรม

(๖) เพื่อช่วยรักษาวัดคีรีวงศ์ พระพุทธศาสนา และประเทศชาติ ให้เจริญมั่นคง

(๗) เพื่อช่วยอุปถัมภ์การศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรม การเผยแผ่ธรรมของวัดคีรีวงศ์

(๘) เพื่อเป็นศรีสง่าของจังหวัดนครสวรรค์ และประเทศชาติ

เป็นพระมหาเจดีย์ที่สร้างขึ้นอย่างวิจิตรตระการตายอดสูงเสียดฟ้าระปุยเมฆ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาดาวดึงส์ วัดคีรีวงศ์ คือพระจุฬามณีเจดีย์ พระจุฬามณีเจดีย์สร้างขึ้นตรงฐานเจดีย์เก่าซึ่งเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ ๑๙ ปลายกรุงสุโขทัย ประมาณ ๖๐๐ ปีมาแล้ว

ลักษณะของพระจุฬามณีเจดีย์สร้างเป็นฐาน ๔ เหลี่ยม หมายถึงมหาสติปัฏฐาน ๔ ซึ่งหมายถึง การเอาสติเป็นที่ตั้ง กำหนดเอาสติเป็นใหญ่ในการบำเพ็ญกรรมฐานโดยพิจารณาฐาน ๔ คือ กาย เวทนาจิต ธรรม เป็นอารมณ์ ให้สติจดจ่ออยู่กับฐานอารมณ์นั้น ๆ ไม่ให้พลั้งเผลอ ส่วนความสูง ๔ ชั้นหมายถึง อริยสัจ ๔ คือทุกข์ ความไม่สบายกายไม่สบายใจ สมุทัย คือสาเหตุทำให้เกิดทุกข์ นิโรธคือการดับทุกข์ และมรรค คือหนทางและแนวทางสำหรับดับทุกข์
พระเจดีย์มี ๙ องค์ คือ องค์ใหญ่อยู่ชั้นบน มีพระเจดีย์เล็ก เป็นบริวาร ๘ องค์ รวมเป็น ๙ องค์ มีความหมาย เปรียบด้วยโลกุตรธรรม ๙ คือ มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ โดย ๔ องค์ชั้นล่างเปรียบด้วยมรรค ๔ และ ๔ องค์ ชั้นบน เปรียบด้วยผล ๔
ส่วน องค์กลาง เปรียบด้วยพระนิพพาน แสดงว่า พระจุฬามณีเจดีย์สร้างขึ้นมาด้วยลักษณะที่อิงอยู่กับแนวคิดในทางธรรมแห่งพุทธศาสนาโดยละเอียดอ่อนและแยบยลแฝง ไว้ด้วยความคิดอันหลักแหลมลึกซึ้ง ปล้องไฉนของพระเจดีย์ที่มองเห็นเป็นปล้องๆ นั้นมีอยู่ ๒๗ ปล้อง เปรียบด้วยสุคติภูมิ ๒๗ ชั้น คือมนุษย์ ๑ ชั้น สวรรค์ ๖ ชั้น รูปพรหม ๑๖ ชั้น อรูปพรหม ๔ ชั้น รวมเป็น ๒๗ ชั้น
ส่วนรูปสูงสุดของพระเจดีย์ที่มีลักษณะกลมนั้น เปรียบด้วยพระนิพพาน คือความดับสิ้นเชิงแห่งกองทุกข์ ส่วนที่คอระฆังมีลักษณะรูประฆัง เปรียบด้วยระฆังที่มีไว้สำหรับตี ประกาศให้คนทำความดี หรือประกาศเชิญชวนให้ชาวพุทธมาสร้างกุศล และปฏิบัติธรรม เมื่อมองเห็นพระเจดีย์ที่ตระหง่านและแสนจะเพริศแพร้วอลังการแล้วจะก่อให้เกิดความปีติซาบซ่านใจ โน้มน้าวใจให้อยากขึ้นไปไหว้ เพื่อความปลาบปลื้มปีติใจ และสร้างบุญบารมี เพื่อจะได้ไปสู่สุคติภูมิ โดยผู้ปรารถนาจะไปกราบไหว้นมัสการพระเจดีย์
มีถนนลาดยาง เพื่อความสะดวกในการคมนาคม ให้รถขึ้นไปถึงได้
ที่พระเจดีย์ได้นามว่า พระจุฬามณีเจดีย์ ซึ่งเป็นเจดีย์สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพราะเขาลูกนี้ชื่อเขาดาวดึงส์ เหตุเพราะอยู่ตรงถนนดาวดึงส์และอยู่ที่เมืองนครสวรรค์ โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสโภ) คือพระพิมลธรรมในเวลาต่อมาแห่งวัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ท่านได้ตั้งชื่อให้ และแนะนำให้สร้างพระจุฬามณีไว้บนยอดเขา อนึ่งในหนังสือพจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด “คำวัด”โดยพระเดชพระคุณท่านพระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ มหาบัณฑิต) ได้สาธยายถึง“จุฬามณี” ว่าเป็นชื่อ พระเจดีย์สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เรียกว่า “พระจุฬามณีเจดีย์” ซึ่งแปลว่าพระเจดีย์ที่สร้างด้วยแก้วมณีเป็นที่บรรจุพระเกศธาตุจุฬามณี เป็นพระเจดีย์ที่บรรจุพระเกศธาตุ (มวยผม) และพระทาฐธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ข้างขวาของพระพุทธเจ้า

จุฬามณีมีตำนานว่า เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะ เสด็จออกบวชมาถึงฝั่งแม่น้ำอโนมา ทรงตัดพระเกศาแล้วทรงขว้างไปในอากาศ พระอินทร์ทรงรับไว้ด้วยผอบแก้ว แล้วนำไปบรรจุไว้ในพระจุฬามณีเจดีย์ และหลังจากถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ เมื่อเสด็จปรินิพานแล้ว มีการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุกันโดยโทณพราหมณ์ พระอินทร์ได้นำพระทาฐธาตุข้างขวาที่โทณพราหมณ์ซ่อนไว้ในผ้าโพกศีรษะใส่ผอบทองไปบรรจุไว้ในพระจุฬามณีเจดีย์ด้วย
พระจุฬามณีเจดีย์บนเขาดาวดึงส์วัดคีรีวงศ์ จึงเหมือนว่าเป็นพระเจดีย์ที่สถิตบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ดังกล่าว ไม่เพียงแต่ความวิจิตรอลังการและลึกล้ำด้วยความหมายในการสร้างพระจุฬามณีเจดีย์เท่านั้น
แต่ภายในองค์พระเจดีย์ชั้น ๔ ยังประดิษฐาน พระพุทธรูปจำลองที่สำคัญในประเทศไทย ไว้ให้สักการะบูชา ๔ องค์ คือ พระพุทธรูปมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ประดิษฐานอยู่ทางทิศใต้พระพุทธชินราชจำลอง ประดิษฐานอยู่ทางทิศเหนือ พระพุทธโสธรจำลอง อยู่ด้านทิศตะวันออก พระพุทธรูป หลวงพ่อวัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม อยู่ทางทิศตะวันตก นอกจากนั้นภายในโดมพระเจดีย์ได้มีภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพุทธประวัติไว้ให้ชมด้วย
ที่เป็นมงคลพิเศษสุดคือ ภายในโดมพระจุฬามณีเจดีย์ทางวัดได้ประกอบพิธีบรรจุ
พระบรมสารีริกธาตุ เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๖
การประกอบพิธีสักการะบูชากราบไหว้พระจุฬามณีเจดีย์ ทางวัดได้จัดขึ้นตรงกับวันงานตรุษจีนที่มีการแห่มังกรของชาวจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นงานเทศกาลประจำปีที่ยิ่งใหญ่มากในระดับจังหวัด หรือแทบจะกล่าวได้ว่าในระดับประเทศ ส่วนด้านนอกเจดีย์ ชั้นบนมีพระพุทธรูปปางประทานพร ขนาดหน้าตัก๖๐ นิ้ว ๔ องค์ ไว้กราบไหว้บูชาเพื่อเป็นสิริมงคล เปรียบด้วยจตุรพิธพรชัย ๔ ประการ คืออายุ วรรณะ สุขะ และพละ อันเป็นมงคลแห่งชีวิตที่มีความเจริญรุ่งเรืองในทุก ๆ ด้าน
เพราะพระจุฬามณีเจดีย์ตั้งตระหง่านสูงระเมฆ บนเขาดาวดึงส์ เมื่อผู้ใดมีโอกาสขึ้นไปถึงฐานพระเจดีย์ชั้น ๔ จะมองเห็นภูมิทัศน์อันงดงามของเมืองนครสวรรค์ในระยะไกลประมาณ ๑๐ กิโลเมตร
ถ้ามองไปทางทิศตะวันออกจะมองเห็นเขากบ บึงบอระเพ็ด และตลาดปากน้ำโพ หากมองไปทางทิศใต้ จะเห็นอุทยานสวรรค์ ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา ศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์ และเขาจอมคีรีนาคพรต หันไปทางทิศตะวันตก จะเห็นภูเขาน้อยใหญ่ ทอดตัวตระหง่านอยู่เป็นช่วง ๆ โดยมีภูเขาหลวงเป็นฉากกั้น ยามพระอาทิตย์อัสดงจะเป็นภาพที่งดงามชวนให้เคลิบเคลิ้มหลงใหลในภาพที่ธรรมชาติตกแต่งขึ้น

หากมองไปทางทิศเหนือจะเห็นแม่น้ำปิง และทิวทัศน์ทางน้ำที่มาบรรจบกัน คือแม่น้ำปิงกับแม่น้ำน่าน ที่ปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ ว่ากันว่า โดยความเป็นจริงแล้ว แม่น้ำที่ไหลมาบรรจบกันที่ปากน้ำโพ มีเพียง ๒ สายเท่านั้น คือแม่น้ำปิง กับแม่น้ำน่าน ส่วนแม่น้ำยมไหลผ่านจังหวัดสุโขทัยและจังหวัดพิจิตร มาบรรจบกับแม่น้ำน่าน ที่ตำบลเกยไชย อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ แม่น้ำวัง ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำปิงที่อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก ตั้งแต่จังหวัดตาก กำแพงเพชร เรียกแม่น้ำสายนี้ว่า แม่น้ำปิง แม่น้ำน่านก็เช่นกัน ตั้งแต่อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร ชุมแสง มาถึงปากน้ำโพ นครสวรรค์ เรียกแม่น้ำสายนี้ว่า แม่น้ำน่าน เหตุที่เรียกเช่นนั้น เพราะต้นน้ำเกิดที่จังหวัดน่าน
ขึ้นไปถึงเขาดาวดึงส์ และพระจุฬามณีเจดีย์ ที่วัดคีรีวงศ์ และมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามรอบทิศต่าง ๆ ของจังหวัดนครสวรรค์ แล้วทางทิศตะวันตกอีกส่วนหนึ่งจะเห็นพระพุทธชินสีห์ สูงเด่นตระหง่านอย่างน่าเลื่อมใสศรัทธา พร้อมกับได้ชมได้เห็นทิวทัศน์ และภูเขาต่าง ๆ ที่เป็นลูก ๆ และเป็นทิวแถว เช่นเขาหลวง เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า บนวัดคีรีวงศ์และพระจุฬามณีเจดีย์ นอกจากจะให้ความร่วมเย็น ปีติ ดื่มด่ำในสภาพของแดนพุทธศาสนาแล้ว อีกด้านหนึ่งของพระจุฬามณีเจดีย์นั้น ภายในฐานพระจุฬามณีเจดีย์ที่ชั้นที่ ๒ แล้วชั้นที่ ๓ ยังเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปปางต่าง ๆ และพระพุทธรูปประจำ ๑๒ ราศี เพื่อกราบไหว้บูชา

เป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่เกิดในราศีต่าง ๆ เพื่อให้ได้กราบไหว้ และขอพรตามอัธยาศัยของแต่ละผู้คน เพื่อหวังให้เกิดความผาสุกร่มเย็น และความเจริญก้าวหน้าของผู้คนในแต่ละราศี การสร้างและพัฒนาวัดคีรีวงศ์ และสร้างศาสนสถานต่าง ๆ ขึ้นภายในวัด ตลอดทั้งการสร้างพระจุฬามณีเจดีย์ที่ทรงความศักดิ์สิทธิ์ และมีความหมายลึกซึ้งทางด้านสถาปัตยกรรม และปรัชญาทางศาสนา โดยพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระวิกรมมุนี และศรัทธาญาติโยมนั้น
แสดงให้เห็นถึงบารมีธรรมอันสูงเด่นของท่านเจ้าคุณพระราชพรหมาจารย์ เจ้าอาวาสวัดคีรีวงศ์ ที่ญาติโยมมีศรัทธาต่อการมุ่งมั่นของท่านในการที่จะจรรโลง และประกาศความยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนาให้ประจักษ์แก่สายตาคนทั่วไปทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ญาติโยม ผู้มีจิตศรัทธาในพุทธศาสนาและท่านเจ้าคุณพระวิกรมมุนี จึงได้ร่วมพลังศรัทธาร่วมมือกับท่านสร้างสิ่งที่เป็นอนุสรณ์ยิ่งใหญ่ทางศาสนาให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี สิ่งต่าง ๆ ที่เป็นความสำเร็จอันน่าภูมิใจของพุทธศาสนิกชน ไม่เพียงแต่จะเป็น
เกียรติและสร้างชื่อเสียงให้แก่พุทธศาสนาและชาวจังหวัดนครสวรรค์เท่านั้น แต่ยังเป็นเกียรติประวัติและชื่อเสียงของประเทศไทย ที่เป็นเมืองแห่งพุทธศาสนาที่มีชื่อเสียงของโลกอีกด้วย

ขอขอบคุณ http://www.bp.or.th

Both comments and pings are currently closed.

Comments are closed.

. . . . . . .
. . . . . . .