วัดอนาลโยทิพยาราม จ.พะเยา

พระอาจารย์ ไพบูลย์ สุมังคโล
ขณะนั้นท่านอยู่ที่วัดรัตนวนาราม ท่านได้มีปรากฎการณ์เห็น ทรายทองไหลลงมาสู่วัดเป็นสาย รังสี แสงของทรายทองที่ไหลพั่งพรูราวกับสายน้ำนั้นอาบวัดทั้งวัด
จนแทบจะกลายเป็นวัดทองคำ ท่านมองตามลำ แสงสีทองไปก็เห็นเขาที่อยู่อีกฟากหนึ่งของกว๊านพะเยานั่นเอง จากนั้นได้มีโยมมาอาราธนาให้ไปดูสถานที่สำคัญ
และแปลกประหลาด เพื่อจะได้สร้างสำนักสงฆ์ไว้เป็นที่บำเพ็ญกุศลของชาวบ้าน เป็นที่ ๆ ชาวบ้านมักจะเห็นแสง สว่างเป็นดวงกลมลอยไปมาอยู่บนดอยสูง
แสงนั้นดูสว่างเรืองรอง บางทีก็สว่างจ้าเป็นสีเหลืองสดอาบทั้งดอยราว กับกลายเป็นดอยทองคำ เหตุการณ์เหล่านี้มักจะปรากฏในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น วันพระ 8 หรือ 15 ค่ำ
เป็นต้น หลังจากที่พิจารคณาดูสถานที่แล้ว เห็นว่าเป็นสถานที่สงบเหมาะสมแก่การเจริญเตตาภาวนาเป็นอย่างยิ่ง ควรที่จะสร้างเป็นสถานที่พักปฏิบัติธรรม
ดังนั้นที่นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของวัดอนาลโยทิพยารามยังไงล่ะครับ

ส่วนที่มาของชื่อวัด อนาลโยทิพยาราม ก็มาจากเมื่อปี พ.ศ.2525ท่านพระอาจารย์ได้ตัดสินใจมาอยู่ที่ นี่และเริ่มสร้างวัด ท่านได้ นิมิตว่ามีคนรูปร่าง ดำ สูงใหญ่มาบอกว่า
หากท่านอาจารย์จะมาอยู่ที่นี่ ก็มาอยู่ได้ แต่ขอให้ตั้งชื่อวัด เป็นวัดหลวงปู่ขาว ซึ่งท่าน พระอาจารย์ก็ ไม่ขัดข้องประการใด ดังนั้นจึงได้เป็นชื่อ วัดอนาลโยขึ้นมา เพราะท่าน มีนามว่า
หลวงปู่ขาว อนาลโย ผู้เป็นประธานสงฆ์ อยู่ ณ วัดกลอง เพล จ.อุดรธานี และยังมี พระพุทธลีลา หรือพระยืนที่ท่านตั้งใจจะ สร้างขึ้น ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางลีลาที่สูงใหญ๋ที่สุด
สร้างไว้บนยอด เขาตรีเพชร มีความสูง 25 เมตร กว้าง 6 เมตร น้ำหนักรวม 254 ตัน พระองค์นี้ใน ตอนแรกได้สร้างเป็นชิ้น ๆ ก่อน แล้วค่อยนำมาประกอบ ขึ้น ซึ่งต้องใช้ความอดทน มากทีเดียว
กว่าจะได้ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง อย่างที่เราได้เห็นกันอยู่นี้

นอกจากนี้ยังมีสถานที่สำคัญและน่าท่องเที่ยวอยู่อีกหลายแห่งภายในวัดด้วยนะครับ ไม่ว่าจะเป็น สวน ลุมพินีวัน (จำลอง) สถานที่ประสูติของสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า สระโบกขรณี (จำลอง)
สถานที่ถวายการสรงน้ำ เมื่อแรกประสูตร เจดีย์พุทธคยา (จำลอง) ซึ่งเป็นสถานที่ตรัสรู้ ต้นพระศรีมหาโพธิ ที่ตรัสรู้ด้านหลังองค์เจดีย์ พระสถูปเจดีย์ (จำลอง)
สถานที่ปฐมเทศนา หรือจะเป็น เจ้าแม่กวนอิม ก็มีนะครับ ที่นี่ได้รวมเอาประติมากรรม ต่าง ๆ เข้ามาไว้รวมกัน ซึ่งเหมาะแก่การทำสมาธิ หรือพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง
อ้อ…แล้วอีกที่หนึ่งที่จะขาดเสียมิได้คือ พระตำหนัก “ภูตะวัน” แต่ที่นี่ห้ามบุคคลภายนอกผ่านขึ้นไปนะครับ เพราะที่ตำหนักนี้สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พร้อมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ เพื่อเป็นที่ประทับในวโรกาสที่เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในจังหวัดพะเยา

นอกจากนี้วัดอนาลโยทิพยารามยังเป็นวัดประจำปีเกิดของผู้เกิดปีปีมะเส็ง มีสัญลักษณ์เป็นรูป “งูเล็ก” สำหรับพระธาตุประจำปีเกิดนั้นอยู่ไกลนัก นั่นคือ พระมหาเจดีย์พระพุทธคยา ประเทศอินเดีย อันเป็นปูชนียสถานที่สำคัญมาแต่โบราณเนื่องจากสถานที่ประดิษฐานจะอยู่ไกล คนโบราณจึงใช้เจดีย์เจ็ดยอดเมืองเชียงใหม่แทนและมาภายหลังมีการจำลองพระมหาเจดีย์ฯ มาสร้างขึ้นที่วัดอนาลโย (พะเยา) ซึ่งทำให้คนมีศรัทธา จะไปนมัสการได้ง่ายขึ้น

การเดินทาง

ตั้งอยู่บนดอยบุษราคัมห่างจากตัวจังหวัด 20 กิโลเมตร ไปทางทิศเหนือตามทางหลวงหมายเลข 1 (พะเยา – เชียงราย) ประมาณ 7 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1127 – 1193 อีก 9 กิโลเมตร ทางลาดยางตลอดสาย บริเวณดอยบุษราคัม และม่อนพระนอน ประกอบด้วยพระพุทธรูปศิลปสุโขทัยลักษณะงดงามมาก และยังมีพระพุทธรูปปางต่างๆ อีกหลายองค์ อาทิ พระพุทธไสยาสน์ พระพุทธรูปปางลีลา พระพุทธรูปปางนาคปรก สร้างด้วยความประณีตสวยงามแบบศิลปไทย รัตนเจดีย์ เป็นศิลปะแบบอินเดียพุทธคยา เก๋งจีนประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิม หอพระแก้วมรกตจำลอง จากยอดเขาสามารถชมทัศนียภาพของกว๊านพะเยาและเมืองพะเยาได้อย่างสวยงาม ขึ้นได้ 2 ทาง คือ ทางบันไดและทางรถยนต์

ขอขอบคุณ http://www.oknation.net/

Both comments and pings are currently closed.

Comments are closed.

. . . . . . .
. . . . . . .