ฮือแย่งศพ “หลวงพ่อผล” อดีตเจ้าอาวาสวัดเซิงหวาย บางซื่อกทม. ขวางไม่ให้สลายร่าง อ้างสังขารไม่เน่าเปื่อยจะนำไปใส่ไว้ในโลงแก้วเพื่อบูชา เผยมรณภาพมาครบ 2 ปี เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันขอพระราชทานหีบทองทึบ-ไฟพระราชทาน พร้อมเชิญแขกผู้ใหญ่ร่วมงานเพียบ ถ้ายกเลิกเกรงว่าจะเป็นการมิบังควร ชาวบ้านบีบให้ลงชื่อขอยกเลิก ขณะที่สำนักพระราชวังระบุว่าสามารถขอเลื่อนได้ ด้านตร.เจรจาทั้งสองฝ่ายถ้าอีก 7 วัน คือวันที่ 3 ธ.ค. เก้าโมงเช้าจะเปิดดูศพอีกครั้งหนึ่ง ถ้าไม่เน่าเปื่อยก็จะยินยอมให้นำศพไว้ในโลงแก้ว แต่หากเน่าเปื่อยก็จะให้มีการเผาศพต่อไป
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 26 พ.ย. ที่วัดเวตวันธรรมาวาส หรือวัดเซิงหวาย ซอยกรุงเทพ-นนทบุรี 21 ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี แขวงและเขตบางซื่อ กทม. มีพิธีพระราชทานเพลิงศพพระราชนันทาจารย์ หรือหลวงพ่อผล อดีตเจ้าอาวาสวัดเซิงหวาย ซึ่งมรณภาพเมื่อวันที่ 25 พ.ย.2547 ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าในบริเวณวัดดังกล่าว ได้มีกลุ่มชาวบ้านประมาณ 200 คน พากันมาชุมนุมภายในวัดเพื่อคัดค้านการเผาศพของหลวงพ่อผล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากหลวงพ่อผลมรณภาพ และมีการทำบุญครบรอบ 100 วัน จึงได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการของวัดว่าจะเผาศพหลวงพ่อผล แต่ลูกศิษย์ที่เคารพนับถือและเลื่อมใสศรัทธาหลวงพ่อผลบางส่วน ขอให้เก็บไว้เป็นเวลา 2 ปี เพื่อให้ผู้เคารพนับถือเลื่อมใสได้สักการะ ทางคณะกรรมการจึงได้ตกลงเก็บศพไว้เป็นเวลา 2 ปี และเมื่อครบกำหนดทางคณะกรรมการได้ตกลงขอพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อผล ในวันที่ 26 พ.ย.2549 โดยมีพระครูปลัดแก้ว กิตติสาโร เจ้าอาวาส วัดเซิงหวายในปัจจุบัน เป็นผู้ดำเนินการ
แต่เมื่อเปิดหีบศพเพื่อดูร่างของหลวงพ่อผล เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ชาวบ้านอ้างว่าเกิดปาฏิหาริย์ศพหลวงพ่อไม่เน่าเปื่อย ทำให้ชาวบ้านต้องการที่จะเก็บสังขารของหลวงพ่อบรรจุใส่โลงแก้วเพื่อเป็นที่สักการบูชาของชาวบ้าน แต่ทางวัดยืนยันที่จะฌาปนกิจตามกำหนดการเดิม ที่ขอพระราชทานเพลิงศพจากสำนักพระราชวัง ทำให้มีชาวบ้านไปชุมนุมที่ปากซอยทางเข้าวัด พร้อมทั้งมีป้ายเรียกร้องให้ยกเลิกการสลายร่างหลวงพ่อผล ตั้งแต่เมื่อค่ำวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมาก่อนจะสลายตัวไป และนัดมาชุมนุมกันอีกครั้งในวันที่ 26 พ.ย.เพื่อดูว่าข้อเรียกร้องที่ให้ชะลอหรือเลื่อนการพระราชทานเพลิงศพไปก่อนได้หรือไม่
นายธงชัย ชัยวณิชย์ อายุ 50 ปี แกนนำกลุ่มที่ออกมาเรียกร้อง เปิดเผยว่า หลวงพ่อผลมรณภาพด้วยโรคหัวใจตีบ ที่โรงพยาบาลบางโพ เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2547 ต่อมาทางวัดได้ขอพระราชทานหีบทองทึบประกอบศพ ในวันที่ 24 พ.ย. และขอพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 26 พ.ย.ในเวลา 16.00 น. แต่ชาวบ้านในย่านนี้มีความเห็นพ้องกันว่า ต้องการที่จะเก็บสังขารของหลวงพ่อในไว้โลงแก้วเพื่อสักการบูชา แต่ทางวัดต้องการที่จะสลายร่าง
จึงมีความเห็นร่วมกับทางวัดว่า ภายใน 2 ปีนับจากวันมรณภาพ ถ้าศพไม่เน่าเปื่อยก็จะเก็บร่างไว้ โดยเมื่อวันที่ 24 พ.ย.2549 ที่ผ่านมา ร่างของหลวงพ่อไม่เน่าเปื่อย ทางชาวบ้านจึงต้องการที่จะเก็บร่างหลวงพ่อไว้สักการะ แต่เนื่องจากพระครูปลัดแก้วให้เหตุผลว่าทางวัดได้ขอพระราชทานเพลิงไปแล้ว ถ้าไม่ปฏิบัติตามก็จะเป็นการหมิ่นเบื้องสูง แต่ทั้งนี้ชาวบ้านได้เดินทางไปยื่นหนังสือคัดค้านที่กองพระราชพิธี ซึ่งทางกองพระราชพิธีบอกว่ายกเลิกการขอพระราชทานเพลิงศพได้
แต่ต้องให้เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันซึ่งเป็นผู้ขอพระราชทานเพลิงศพขอยกเลิก แต่จากการเข้าเจรจากับพระครูปลัดแก้ว พระครูปลัดแก้วยืนยันจะไม่มีการยกเลิกการสลายร่างของหลวงพ่อผลแต่อย่างใด โดยจะยังคงยึดพิธีการตามหมายกำหนดการเดิม คือจะมีการสลายร่างตามกำหนดพระราชทานเพลิงศพในเวลา 16.00 น. และในวันที่ 27 พ.ย. จะเป็นพิธีบรรจุอัฐิ ซึ่งกำหนดการนี้ทางพระเถระชั้นผู้ใหญ่ได้มีมติเห็นชอบ จึงต้องปฏิบัติตาม อีกทั้งก่อนที่หลวงพ่อผลจะมรณภาพเคยกล่าวไว้ว่า ต้องการที่สลายสังขารแบบท่านพุทธทาสภิกขุ ซึ่งได้สลายสังขารด้วยการเผา จึงขอยืนยันที่จะทำการสลายร่างตามเดิม
ทางด้านพระครูปลัดแก้วเปิดเผยว่า ทุกสิ่งทุกอย่างครบถ้วนเสร็จสิ้นแล้ว ก่อนที่จะขอพระราชทานเพลิงศพ ลูกศิษย์บางส่วนขอเก็บศพไว้ 2 ปี จึงตกลงกันว่าครบ 2 ปี จะเผาศพหลังครบกำหนดได้มีการประชุมกันระหว่างเจ้าคณะกทม.เจ้าคณะเขต เจ้าคณะแขวง คณะกรรมการวัด รวมทั้งผู้ที่คัดค้านการเผาศพหลวงพ่อผล มีมติตกลงว่าจะมีการเผาศพหลวงพ่อผล และได้ขอพระราชทานเพลิงศพไว้ในวันที่ 26 พ.ย.และในการประชุมร่วมกัน ผู้ที่คัดค้านก็เข้าร่วมประชุมด้วย 2-3 ครั้ง หลังจากนั้นก็ไม่ได้ประชุมร่วมกันอีกเลย จนเมื่อมีการขอพระราชทานเพลิงศพแล้ว กลับขอให้ไปยกเลิก อาตมาไม่สามารถที่จะทำได้ อาตมาจะถูกมองว่าไม่อยู่ในร่องในรอย และอาตมาก็ไม่ได้รับปากตกลงว่าหากศพไม่เปื่อยจะไม่เผาศพ และในทางวิทยาศาสตร์ ศพที่บรรจุอยู่ในที่จำกัดก็จะไม่เน่าเปื่อยได้ เมื่อเปิดออกมาก็จะมีการเน่าเปื่อยต่อไป
ต่อมาทางผู้คัดค้านได้ส่งตัวแทนเข้าเจรจากับพระครูปลัดแก้วอีกครั้ง เพื่อขอให้พระครูปลัดแก้วลงชื่อขอชะลอเลื่อนการพระราชทานเพลิงศพไว้ก่อน โดยบอกว่าติดต่อกับกองพิธี สำนักพระราชวังไว้แล้ว ว่าสามารถเลื่อนได้ แต่พระครูปลัดแก้วก็ยืนยันที่จะทำตามหมายกำหนดการเดิมต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพระครูปลัดแก้วยืนยันกับตัวแทนผู้คัดค้าน ทำให้เหตุการณ์ตึงเครียดขึ้น ทางพ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ สุมิตนันท์ ผกก.สน.เตาปูน ซึ่งเข้าไปดูแลสถานการณ์อยู่และรับรู้เหตุการณ์ ได้พยายามไกล่เกลี่ยทั้ง 2 ฝ่าย แต่ไม่สามารถที่จะตกลงกันได้ จึงเรียกกำลังเจ้าหน้าที่ปราบจลาจลของบก.น.2 หลายสิบนาย เข้ามาประจำการ เพื่อระงับเหตุการณ์ที่อาจจะมีความรุนแรงขึ้น ภายหลังจากที่มีพิธีพระราชทานเพลิงศพ
ต่อมาเวลา 15.30 น.ทางเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังอัญเชิญไฟพระราชทานเดินทางมาถึงวัด โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานพิธีจุดพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม นายแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการสำนักพระราชวัง เป็นผู้ทอดผ้าบังสุกุล จากนั้นมีพระชั้นผู้ใหญ่และพระภิกษุสงฆ์ สามเณรกว่าร้อยรูป ขึ้นวางดอกไม้จันทน์บนเมรุชั่วคราวอย่างพร้อมเพรียงกัน พร้อมกับมีลูกศิษย์และประชาชนที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาหลวงพ่อวางดอกไม้จันทน์ ก่อนจะมีการเผาจริงในเวลา 21.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากพิธีพระราชทานเพลิงศพเสร็จแล้ว ชาวบ้านกว่า 200 คนที่ถือป้ายยืนคัดค้านการเผาศพหลวงพ่อผลอย่างสงบในตอนแรก พยายามฮือขึ้นไปบนเมรุที่ตั้งศพของหลวงพ่อ เพื่อขึ้นไปแย่งศพไม่มีการเผาศพ ทำให้พระภิกษุและประชาชนที่มาร่วมงานแตกหนีกันอย่างอลหม่าน จนเกิดความวุ่นวายพักใหญ่ เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลจึงได้ผลักดันกลุ่มชาวบ้านไว้เกิดการกระทบกระทั่งกันเล็กน้อย จากนั้นก็มายืนรวมกลุ่มคัดค้านอยู่หน้าปะรำพิธี จนทางวัดไม่สามารถดำเนินการตามพิธีได้อย่างต่อเนื่อง
จากนั้นพ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ได้พูดเจรจากับกลุ่มชาวบ้านหากจะให้มีการเปิดดูศพในเวลานี้ จะเป็นการไม่เหมาะสมโดยทางวัดมีมติว่าจะเก็บศพหลวงพ่อไว้ก่อน เพื่อรอให้แพทย์มาพิสูจน์ว่าศพหลวงพ่อเน่าเปื่อยหรือไม่ในวันที่อังคารที่ 28 พ.ย.ช่วงเวลาบ่าย และจะนำศพหลวงพ่อไปเก็บไว้ที่ศาลาการเปรียญโดยจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าดูแล และพร้อมจะให้ชาวบ้านจัดเวรยามมาเฝ้าด้วย แต่กลุ่มชาวบ้านไม่พอใจสรุปจะให้เปิดศพดูในตอนนี้เลย ทำให้กลุ่มชาวบ้านที่ยอมรับข้อเสนอกับกลุ่มที่จะเปิดศพดูต่างแตกออกเป็นสองฝ่าย
กระทั่งเวลา 19.00 น. พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ได้กล่าวกับชาวบ้านอีกครั้งว่า ตนได้ติดต่อกับทางสำนักพระราชวังแล้วเพื่อขอยับยั้งการเผาศพ ซึ่งทางสำนักพระราชวังก็ตอบตกลงว่า ถ้าอีก 7 วัน คือวันอาทิตย์ที่ 3 ธ.ค. เวลา 09.00 น.จะทำการเปิดหีบศพหลวงพ่ออีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับมีพยานคือชาวบ้าน ถ้าศพหลวงพ่อไม่เน่าเปื่อยจริงๆ ก็จะอัญเชิญไฟพระราชทานเพลิงศพกลับและยินยอมให้นำศพหลวงพ่อไว้ในโลงแก้ว แต่ถ้าเปิดโลงแล้วศพหลวงพ่อเน่าชาวบ้านรับรู้พร้อมกัน ก็จะทำพิธีพระราชทานเพลิงศพทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากชาวบ้านได้รับทราบคำตอบดังกล่าวต่างโห่ร้องแสดงความดีใจ พร้อมกับพากันขึ้นไปบนเมรุชั่วคราว พร้อมกับยกโลงศพหลวงพ่อลงจากเมรุไปไว้ที่ศาลาเหมือนเดิม ก่อนที่จะสลายตัวแยกย้ายกันไป
ขอขอบคุณ http://www.palungdham.com/