ย้อนอดีตกาลก่อนและหลังกรุงศรีอยุธยา ราชธานี ได้เสียกรุงครั้งสุดท้ายให้แก่พม่า ในปี พ.ศ. 2310 ราษฎร พระชาวไทยและชาวมอญ ที่อาศัยอยู่บริเวณรอบกรุงศรีอยุธยา ได้อพยพมาตามลำน้ำเจ้าพระยา ได้ขนพระพุทธรูป สิ่งของมีค่าทางพระพุทธศาสนา มาตั้งหลักแหล่งสร้างวัดขึ้น ตลอดริมน้ำเจ้าพระยาและใกล้บริเวณเกาะเกร็ด มีวัดที่สำคัญที่สุดในลุ่มน้ำนี้จากอยุธยามาถึงที่นี่ คือวัดสะพานสูง (วัดสว่างอารมณ์) และวัดสาลิโขภิรตาราม (ดงปลูกข้าวสาลีส่งให้บาดหลวงชาวโปรตุกิส ในกรุงศรีฯก่อนที่วัดจะมาสร้าง)
คงต้องกล่าวถึง เกจิอาจารย์ชั้นยอดของกรุงศรีอยุธยายุคกลางเหลื่อมมายุคปลาย เช่นหลวงปู่เผือก วัดสาลิโขฯ ส่วนท่านหลวงปู่เอี่ยมวัดสะพานสูง มายุคหลังจากที่หลวงปูเผือกได้ทำคุณทางพระพุทธศาสนารัชกาลที่ 4 มากมาย ได้มรณภาพ ปี พ.ศ. 2405 อย่างสงบในสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ด้วยโรคชราขณะมีอายุได้ 106 ปี ที่นี่จึงเป็นแหล่งรวมตำราพิชัยสงครามที่สำคัญ เล่มเดียวและการลงเลข พิธีสักยันต์ การลงกระหม่อมพิมพ์เดียวกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มาจากพระพนรัต สังฆราชแห่งวัดป่าแก้ว กรุงศรีอยุธยา ( เคยได้ดูสมุดบันทึกรูปวาดตำรานี้ในหีบเหล็กสมบัติของวัดนี้มาแล้ว) เคยมีเรื่องเล่าถึงในอดีต ชุมชนย่านวัดสาลีโข ขึ้นชื่อว่าเป็นดงนักเลง ถึงกับมีคำพูดกันติดปากว่า “หนังไม่เหนียวห้ามเที่ยวสาลีโข”
วัดทั้งสองนี้ วงการเกจิพระเครื่องและวงการนักเลงเครื่องรางของขลังจะทราบดี และรู้จักกันแทบทั้งนั้น(ข้าพเจ้าเป็นศิษย์วัดที่นี่ ครั้งหนึ่งช่วงปิดเทอมจะมารับใช้เป็นเดือน) วัดทั้งสองถึงไม่ได้อยู่ในแผนการท่องเที่ยวพาล่องเรือ ไหว้พระ 9 วัด เพราะวัดทั้งสอง อยู่ในลำคลองลึกเข้าไปถึง 300-400 เมตร ไม่สะดวกกับการนำเรือเข้าเทียบ( ถนนเข้าถึงวัดได้) และต้องใช้เวลาการเดินเที่ยวชมวัดมากกว่าวัดทั้ง 9 แห่ง และวัดส่วนใหญ่ จะสร้างทั้งก่อนและหลังอพยพมาจากกรุงศรีอยุธยาแตกให้กับพม่าแล้วแทบทั้งนั้น
จุดเริ่มต้นของการบริการล่องเรือไหว้พระรอบเกาะเกร็ด 9+1 วัด ฟรี จนถึงเดือนกันยายน 2556 เริ่มเที่ยวแรก 10.00 น. เที่ยวที่สอง 11.00 น. เที่ยวที่ 3 12.00 น. จัดโดยอบจ.นนทบุรี สามารถสอบถามประชาสัมพันธ์ โทร. 02-5916246,081-3985806,081-4039650,081-3844612,081-3376754,081-3495168,087-9717820,085-1326649
เดินทางควรเดินทางด้วยรถส่วนตัว แท็กซี่หรือรถรับจ้าง ด้วยเส้นทางจากถนนแจ้งวัฒนะ ข้ามสะพานพระราม 4 ที่ตรงปากเกร็ด ข้ามแล้ววิ่งชิดซ้ายจากถนนชัยพฤกษ์แล้วไปเลี้ยวซ้ายแยกแรก เข้าสู่ถนนราชพฤกษ์ วิ่งไปประมาณ400-500 เมตรทางซ้ายมือ เลี้ยวไปประมาณไม่เท่าไร มีป้ายบอกเป็นระยะ ก็ตรงเข้าไปจอดรถในบริเวณวัดใหญ่สว่างอารมณ์ และเดินเข้าไปแล้วเลี้ยวขวาไปที่กองอำนวยการหน้าโบสถ์ เพื่อรับบัตรนำเที่ยวสำหรับลงเรือ ที่สำคัญท่านควรโทรไปจองล่วงหน้าก่อนวันหรือสองวันก่อนไปเที่ยว และควรระบุเที่ยวกี่โมง ตามที่แจ้งให้ทราบข้างบนนั้น
มีรายละเอียดประวัติวัดต่างๆพอสังเขปของการไหว้พระทั้ง 10 วัดดังนี้
1.วัดใหญ่สว่างอารมณ์ อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างวัด เดิมชื่อ ’วัดน้อย’ อยู่ริมคลองบางน้อย พระประธานปางสมาธิ ต่อมาเปลี่ยนเป็น ‘วัดใหญ่ยิ่ง’ หลังเสียกรุงศรีอยุธยา วัดได้กลายเป็นวัดร้างจน พ.ศ. 2463 สมเด็จพระมหาสมณะเจ้ากรมพระยาวิชิรญาณวโรรส ได้เสด็จมาประทับเดือนเศษ ทรงพอพระทัย ประทานเงินให้สร้างวัด และประทานชื่อชื่อ ‘วัดใหญ่สว่างอารมณ์’ การเดินทางด้วยเรือ เริ่มจากท่าน้ำของวัดนี้
2.วัดบางจาก ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2365 ย้ายมาจากวัดบางภูมิร้าง อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีหลวงพ่อโต สีทองอร่ามอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ได้ทำการยกพระอุโบสถ จนพบพระพุทธโบราณ ใต้ฐานชุกชี ผู้คนพากันไปลอดพระอุโบสถ 3 รอบ อายุเกือบ 200 ปี เสริมศิริมงคล ขอพรให้จากทุกข์จากโศกจากโรคจากภัยไร้เคราะห์ มีแต่ความเจริญทั้งลาภยศสรรเสริญ
3. วัดเสาธงทองเกาะเกร็ด( วัดนี้และรวมอีก 2 วัดจะให้เวลาถึง 1 ชม. สำหรับการไหว้พระและเดินจับจ่ายซื้อของ) สร้างเมื่อพ.ศ. 2313 ตั้งอยู่บนเกาะเกร็ดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เดิมชื่อ ‘วัดสวนหมาก’ มีพระประธานเก่าแก่ปางมารวิชัย มีพระเจดีย์ย่อมุมไม้ 20 พระเจดีย์ระฆังคว่ำ พระเจดีย์กลีบมะเฟืองอวบ (องค์สุดท้ายของโลก) บ่อน้ำหลวงตากลับ และต้นยางอายุ 200 ปี
เดินต่อไปจนถึงวัด
4. วัดไผ่ล้อม(เกาะเกร็ด) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเช่นเดียวกัน เป็นวัดที่สร้างสมัยอยุธยาตอนปลาย อุโบสถเป็นโบสถ์สมัยอยุธยาที่งามมากแห่งหนึ่ง ลายจำหลักไม้ที่หน้าบัน เป็นลายดอกไม้งามมาก เช่นเดียวกับสาหร่ายและรวงผึ้ง แกะสลักไม้ได้งดงาม หลังพระอุโบสถ มีพระมหาเจดีย์ชเวดากอง (จำลอง) สีทองอร่ามอันศักดิ์สิทธิ์
ออกจากวัดเดินต่อไปจนสุดทางใกล้เจดีย์สีขาวที่มองเห็นจากท่าน้ำปากเกร็ด
5. วัดปรมัยยิกาวาส เกาะเกร็ด เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหาร เป็นวัดโบราณ ชาวเรือเรียกว่า “วัดปากอ่าว” ในสมัยรัชกาลที่ 5 โปรดให้ปฏิสังขรณ์วัดใหม่ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล สนองพระคุณสมเด็จพระเจ้าบรมอัยยิกาเธอกรมพระยาสุดารัตน์ราชประยูรผู้ทรงอภิบาลพระองค์มาแต่ทรงพระเยาว์ และพระราชทานวัดว่า “วัดปรมัยยิกาวาส”และประดิษฐ์ “พระนนทมุนินท์”พระประจำจังหวัดนนทบุรี
ครบเวลาตามกำหนดก็ลงเรือที่หน้าวัดเพื่ออ้อมเกาะไปยัง
6. วัดฉิมพลี เกาะเกร็ด เป็นวัดโบราณสร้างสมัยอยุธยาตอนกลาง เดิมชื่อ “วัดป่าฝ้าย” ได้ถูกทิ้งร้างพร้อมกับวัดป่าเลไลยก์ที่อยู่ติดกัน รัชกาลที่ 2 ประมาณพ.ศ.2358 ได้บูรณะวัดครั้งใหญ่ และเปลี่ยนชื่อ”วัดฉิมพลีสุทธาวาส” มีปูชนีย์วัตถุที่สำคัญ คือ อุโบสถเป็นอุโบสถขนาดเล็กแต่มีความงดงามเป็นเลิศ มีเจดีย์มุมสิบสองและเจดีย์องค์เล็ก 4 องค์ล้อมเจดีย์องค์ใหญ่
7. วัดกลางเกร็ด ตั้งอยู่ติดแม่น้ำลัดเกร็ด มีพระอุโบสถขนาดเล็กเก่าแก่มาก(ปรกติไม่เปิด) พระประธานปางมารวิชัย และมีพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ ยาว 11 วา (/22 เมตร) อายุกว่า 100 ปีที่มีผู้นับถือจำนวนมาก ตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2310 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2332
8. วัดเชิงเลน อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างในสมัยอยุธยาตอนกลาง พร้อมวัดท้ายอ่าว (ร้าง) และวัดเชิงท่า(ร้าง) ทรุดโทรมลงจนปี พ.ศ.2450 ได้รับการพัฒนาและขอรับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ 1 เม.ย. 2456 พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลีฯ หล่อพระพุทธรูปทรงบาตร ประดิษฐ์บริเวณจุดตัดแม่น้ำ
9. วัดท่าอิฐ อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งวัดเมื่อ พ.ศ.2316 ชาวมอญ ปั้นอิฐและเป็นท่าน้ำนำอิฐลงเรือ ไปสร้างกรุงธนบุรีและกรุงเทพมหานคร ในรัชกาลพระเจ้าตากสินและรัชกาลที่ 1 พ.ศ. 2351 รัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าให้พระยาพลเทพ(บุญนาค) นำชาวมุสลิมมาอาศัยอยู่เป็นชุทชนใหญ่จนทุกวันนี้ มีพระพุทธรูปปางประทานพรทรงพม่าที่มีคนนับถือกันมากอยูในมณฑปริมน้ำ
ขอขอบคุณ http://www.tfn5.info/