พูดถึง ฉะเชิงเทรา ใคร ๆ ก็ต้องนึกถึง หลวงพ่อโสธร เพราะใครต่อใครที่ไปเยี่ยมเยือนเมืองแปดริ้วแห่งนี้ก็มักจะตั้งใจไปกราบนมัสการองค์หลวงพ่อกันเป็นหลัก
ตรงหน้าทางเข้าจะมีบริการดอกไม้ธูปเทียนของทางวัดจัดไว้ให้ ชุดละ 20 บาท ตอนจ่ายเงินก็ให้หยอดลงตู้ได้เลย
ทางวัดจะจัดที่ทางให้จุดธูปเทียนบูชา อยู่ด้านนอกอุโบสถชั่วคราว
ถ้ามากันช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ ก็ต้องทำใจกันนิดว่าผู้คนจะล้นหลามประมาณนี้ หรือไม่ก็มาให้เช้าสักนิด ที่นี่จะเปิดกันตั้งแต่ 7 โมงเช้า
ถ้าใส่รองเท้ามีราคามา จะมาฝากเจ้าหน้าที่เขาดูแลให้ก่อนเข้าไปในพระอุโบสถก็ได้
ผู้คนที่มีจิตศรัทธาพากันหลั่งไหลมานมัสการและปิดทององค์หลวงพ่อโสธรกัน
เล่าประวัติกันหน่อย
พระพุทธโสธร หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า หลวงพ่อโสธร มีประวัติเล่ากันมาว่า มีพระพุทธรูปสามองค์ลอยน้ำมาจากทางเหนือ มาผุดขึ้นที่แม่น้ำปางปะกงในลักษณะที่ลอยทวนน้ำ ชาวบ้านพยามจะเอาเชือกคล้องเพื่ออัญเชิญขึ้นฝั่งแต่ก็ไม่สำเร็จและพระพุทธรูปก็จมน้ำหายไป ชาวบ้านเลยเรียกบริเวณนั้นว่า สามพระทวน ที่เดี๋ยวนี้เพี้ยนไปเป็น สัมปทวน ต่อมาพระพุทธรูปองค์หนึ่งก็ไปปรากฏที่แม่น้ำแม่กลอง ชาวบ้านได้อัญเชิญขึ้นประดิษฐานอยู่ที่วัดบ้านแหลม เรียกว่า “หลวงพ่อวัดบ้านแหลม” อีกองค์ไปพบลอยอยู่ที่คลองบางพลี สมุทรปราการ ชาวบ้านได้อัญเชิญขึ้นไว้ที่วัดบางพลี และองค์ที่สามก็คือ พระพุทธโสธร นี่เองที่มาลอยอยู่ที่หน้าวัดและชาวบ้านได้อัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่วัด
นอกจากนี้ยังเล่ากันว่า พระพุทธโสธรองค์เดิมนั้นมีขนาดเพียงศอกเศษ เป็นพระพุทธรูปหล่อทองสำริดปางสมาธิ มีพุทธลักษณะที่งดงามมาก แต่พระสงฆ์ในวัดเกรงว่าจะถูกคนมาลักเอาไปเป็นสมบัติส่วนตัว จึงได้พอกปูนหุ้มองค์เดิมเอาไว้ พุทธลักษณะจึงเป็นอย่างที่เห็น คือเป็นพระปูนปั้นลงรักปิดทอง ศิลปะแบบล้านช้าง
ก้าวเข้ามาในพระอุโบสถ จะพบว่าดังเซ็งแซ่ไปด้วยเสียงสั่นกระบอกเสี่ยงเซียมซี ที่แทบไม่ได้ว่างวางนิ่งเลย พอคนหนึ่งวางอีกคนก็เข้ามาหยิบ เลยได้เห็นเลยว่าความทุกข์ร้อนในใจคนนี่มีมากมายเสียเหลือเกิน
บ้างก็คงมาบนบานหลวงพ่อ ที่พอได้สมประสงค์ก็จะกลับมาแก้บน ซึ่งบางคนก็เลือกที่จะใช้บริการของละครรำที่อยู่ในวัด
ขอขอบคุณ http://www.thaiweekender.com/