ตั้งอยู่ใกล้กับ วัดพระศรีสรรเพชญ์ และพระราชวังโบราณ ภายในพระวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ นามว่า พระมงคลบพิตร หรือ พระพุทธสยมภูวญาณโมฬี พระพระพุทธรูปคู่เมืองของกรุงอยุธยามาแต่โบราณ
ประวัติการสร้างพระมงคลบพิตรไม่แน่ชัด มีปรากฏในพงศาวดารว่า แต่เดิมองค์พระประดิษฐานอยู่การแจ้ง ต่อมาในรัชสมัยพระเจ้าทรงธรรม เมื่อปี พ.ศ. 2153 ได้มีการเคลื่อนย้ายองค์พระมาประดิษฐานทางด้านตะวันตก โดยสร้างพระมณฑปครอบองค์พระไว้ ภายหลังในรัชสมัยพระเจ้าเสือ เมื่อปี พ.ศ. 2249 พระมณฑปได้ถูกฟ้าผ่าจนเครื่องบนหลังคาเกิดไฟไหม้และทรุดตัวลงถูกองค์พระเสียหาย แต่ไม่ทันได้บูรณะปฏิสังขรณ์ พระองค์ทรงสวรรคตลงเสียก่อน
ต่อมาในรัชสมัย พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เมื่อปี พ.ศ. 2285 ได้ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์องค์พระและมณฑป โดยเปลี่ยนหลังคาเดิมเป็นแบบพระวิหาร และซ่อมพระเศียรพระมงคลบพิตรที่หักลง เมื่อครั้งที่เกิดไฟไฟม้จากการถูกฟ้าผ่า
ครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง พระวิหารและองค์พระได้ถูกไฟไหม้อย่างหนัก จนพระเมาฬีและพระกรข้างขวาหักลง และถูกทิ้งร้างในที่สุด
จนถึงยุคปัจจุบันสมัย พระยาโบราณราชธานินทร์ ในปี พ.ศ. 2310 ได้ทำการบูรณะองค์พระ โดยซ่อมพระเมาฬีและพระกรขวาที่หักลง ส่วนพระวิหารนั้นได้ทำการบูรณะในสมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม ในปี พ.ศ. 2499 โดย นายอูนุ นายกรัฐมนตรีพม่า ได้มอบเงินจำนวนสองแสนบาทในการร่วมบูรณะในครั้งนั้น ส่วนองค์พระที่บูรณะเพิ่มเติม ได้พบพระพุทธรูปสำริดหลายองค์อยู่ภายในองค์พระ ซึ่งปัจจุบันได้เก็บรักษาพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา
ขอขอบคุณ http://www.comingthailand.com/