วัดป่าสาละวิน จ.นครราชสีมา

สำหรับมนุษย์สิ่งที่มองเห็นมีทั้งรูปธรรมและนามธรรม อนุสรณ์สถานบูรพาจารย์เจดีย์และโบสถ์สีสันสวยงามของวัดป่าสาลวัน จังหวัดนครราชสีมา คือรูปธรรมของผู้ที่ชื่นชอบและชื่นชมสถาปัตยกรรมที่มีอยู่ในวัด ลึกลงไปกว่ารูปธรรมอันงดงามคือ จริยวัตรของพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติธรรม หลวงพ่อพุธ ฐานิโย พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี มีความเชี่ยวชาญในการอบรมสั่งสอนการทำสมาธิและเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน

ตามประวัติของวัดป่าสาลวันมีอยู่ว่า เดิมเป็นวัดประเภทอรัญญวาสี ตามประวัติได้เริ่มสร้างเป็นสำนักสงฆ์เมื่อปี พ.ศ.2474 หลวงชาญนิคม(ทอง จันทรศร) เป็นผู้ถวายที่ดินเริ่มแรก เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสโส) ขณะดำรงสมณศักดิ์พระพรหมมุนี เป็นผู้ตั้งนามให้ตามสถานที่ว่า “วัดป่าสาลวัน” เนื่องจากเห็นว่าบริเวณที่สร้างวัดเป็นป่าไม้เต็งรัง เพราะคำว่า สาละ แปลว่า ต้นรัง วนะ แปลว่า ป่า

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ได้เข้ามาปฏิบัติธรรมและจำพรรษาเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดป่าสาลวันตั้งแต่ปีพ.ศ. 2513 ระยะกว่า 30 ปีท่านได้พัฒนาวัดทั้งด้านสถานที่ได้แก่ การปฏิสังขรณ์โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ รวมไปถึงการพัฒนาสาธารณูปโภคให้มีความสะดวกสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมที่เข้ามาถวายตัวเป็นลูกศิษย์ หลวงพ่อพุธท่านได้อบรมสั่งสอนทั้งพระสงฆ์และฆารวาส เป็นจำนวนมากนับแสนคน ได้แก่ ครูอาจารย์ นักเรียนนักศึกษา นักวิชาการ พลเรือน ตำรวจทหาร เป็นต้น

ในการให้ความสำคัญกับการฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐาน หลวงพ่อพุธได้ร่วมกับญาติโยมสร้างและขยายศูนย์การฝึกทางวิปัสสนาไปหลายพื้นที่ได้แก่ ศูนย์ฝึกวิปัสสนาวัดป่าวะภูแก้ว ตำบลมะเกลือใหม่ อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา วัดป่าชินรังสี ตำบลคลองนา อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา วัดหนองปลิง ตำบลชัยมงคล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น

การสร้างอนุสรณ์สถานบูรพาจารย์เจดีย์ มีวัตถุประสงฆ์เพื่อเป็นปูชนียสถานที่พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชาเพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงคุณธรรม คุณงามความดีของหลวงพ่อพุธ ฐานิโยและบูรพาจารย์ โดยเจดีย์บูรพาจารย์ประกอบด้วย พระบรมสารีริกธาตุ อัฐิธาตุครูอาจารย์ของหลวงพ่อและอัฐิของหลวงพ่อพุธ บูรพาจารย์เจดีย์เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2543 ณ เมรุชั่วคราวที่พระราชทานเพลิงศพของหลวงพ่อพุธ ตกแต่งภายในและภายนอกแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2547

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย มรณภาพเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ 2542 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระราชทานโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นผู้แทนพระองค์เสด็จมาเป็นองค์ประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ.2543

ก่อนหน้านี้อันเนื่องมาจากการบำเพ็ญบารมีของหลวงพ่อพุธ ฐานิโย ดังกล่าว ความได้ทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้พระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้น สามัญ พระชินวาศาจารย์ ในปี พ.ศ.2511 และพระภาวนาพิศาลเถระ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2535 เมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในกรุงเทพมหานคร เมื่อ 1 เมษายน 2524 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จแปรพระราชฐานมาประทับแรมชั่วคราวที่ค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา ทั้งสองพระองค์พร้อมด้วยพระราชโอรสและพระราชธิดาทุกพระองค์ ได้เสด็จพระราชดำเนินมานมัสการ และสนทนาธรรมกับหลวงพ่อฯ ที่วัดป่าสาลวันในตอนบ่ายวันที่ 2 เมษายน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานแก่หลวงพ่อพุธ ฐานิโย และวัดป่าสาลวัน ทำให้เป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วสารทิศมากยิ่งขึ้น นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ความสวยงามของบูรพาจารย์เจดีย์แห่งนี้สวยงามทั้งการมองจากระยะไกลและระยะใกล้ เจดีย์จตุรมุขนี้มีผู้ออกแบบคืออาจารย์วิชิต คงประกายวุฒิ อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล การออกแบบเป็นการนำเอาลักษณะที่ดีที่สุดจากงานจำนวน 6 แบบที่ส่งเข้าประกวดมาออกแบบใหม่ งานชิ้นนี้มีผศ.ดร.สงวน วงษ์ชวลิตกุล เป็นวิศวกรที่ปรึกษา อาจารย์สุชาติ ปัตถา เป็นวิศวกรก่อสร้าง มีฐานกว้าง 41.16 เมตร สูง 25.43 เมตร

โดยรอบเจดีย์มีภาพแกะสลักภาพนูนต่ำบนหินทรายเป็นรูปหลวงพ่อพุธ บูรพาจารย์ และเรื่องราวทางพุทธศาสนา ประตูแต่ละด้านเป็นไม้แกะสลักด้วยลวดลายวิจิตรเป็นรูปเทวดา วัสดุที่ปูพื้นและผนังดูสวยงาม มีทั้งหินทราย หินแกรนิตและหินอ่อน ความสวยงามทางสถาปัตยกรรมโดยรวมเห็นได้จากภาพถ่ายมุมสูง รอบนอกทำเป็นกรอบวงกลม ถัดเข้ามาเป็นบันไดทางขึ้นสี่ด้านเป็นสองระดับ ระเบียงชั้นนอกกับระเบียงชั้นในเป็นรูปแปดเหลี่ยมเหมือนกับตัวเจดีย์ บริเวณชั้นล่างของเจดีย์ทำเป็นห้องโถง ผนังทำด้วยกระจก

ด้วยความศรัทธาที่ประชาชนมีต่อหลวงพ่อพุธ ในแต่ละวันเราจะเห็นผู้คนเข้ามากราบไหว้ไม่ขาดสาย บริเวณด้านในของเจดีย์สิ่งที่โดดเด่นคือพระพุทธรูปองค์ประธาน ใกล้กันมีรูปปั้นของหลวงพ่อพุธ ฐานิโย และบูรพาจารย์อันได้แก่ หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์พร สุมโน

บริเวณผนังสองด้านภายในเจดีย์มีข้าวของเครื่องใช้และสิ่งที่บอกเล่าเกี่ยวกับหลวงพ่อพุธ ได้แก่ บาตร ตาลปัตร ภาพถ่ายสำคัญ หนังสือ ของใช้ส่วนตัวต่างๆ

ถึงวันนี้แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมานับสิบปี หลังจากการมรณภาพของหลวงพ่อพุธ ฐานิโย กับสิ่งหนึ่งที่จะยังคงอยู่ตลอดไปคือ เส้นทางความดีที่ท่านได้อบรมสั่งสอนผู้คน ให้พบกับทางสว่างของชีวิต หนึ่งในคำสอนของท่าน “ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ เป็นคำสอนผู้รู้ทั้งหลาย”

ขอขอบคุณ http://www.sac.or.th/

Both comments and pings are currently closed.

Comments are closed.

. . . . . . .
. . . . . . .