ประวัติ หลวงพ่อโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร

หลวงพ่อโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา
ประวัติหลวงพ่อโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร
หลวงพ่อโสธร เป็นพระพุทธรูปที่มีอภินิหาร มีฤทธานุภาพของชาวไทยองค์หนึ่ง ชาวไทยได้รับการคุ้มครองรักษาอภิบาลจากหลวงพ่อโสธรองค์นี้อย่าง ร่มเย็นเป็นสุขและปลอดภัยอริราชศัตรูมาหลายปีแล้วอย่างแปลกประหลาด เพราะฉะนั้นท่านผู้ปรารถนาจะมีความสุขสวัสดี ปลอดภัยจากโรคพยาธิควรจะมีหลวงพ่อโสธรไว้บูชา หลวงพ่อโสธร เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ คือมีพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ พระชงฆ์ขวาทับพระชงฆ์ซ้าย พระหัตถ์ขวาทับพระหัตถ์ซ้ายวางซ้อนกันอยู่บนพระเพลา มีส่วนสูง ๖ฟุต ๗นิ้ว พระเพลากว้าง ๕ฟุต ๖นิ้ว ปัจจุบันประดิษฐาน อยู่ในพระอุโบสถหลวงวัดโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา ชาวฉะเชิงเทราเคารพนับถือมาก ทางราชการจัดให้มีงานสมโภชเป็นเทศกาลประจำปี มีพุทธศาสนิกชนทั่วทั้งประเทศหลั่งไหลกันมานมัสการคับคั่งตลอดงาน ได้รับทั้งความสนุกและทั้งบุญกุศลด้วย

งานเทศกาลประจำปีของหลวงพ่อโสธร ถือเป็น เทศกาลประจำปีหลวงพ่อโสธร ซึ่งจะจัดปีละ 2 ครั้ง
– ครั้งแรกจัดช่วงเดือน 5 เรียกว่า งานกลางเดือน 5 เริ่มจัดงานตั้งแต่วันขึ้น 14-15 ค่ำ ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 5 รวม 3 วัน
– อีกครั้งจัดเดือน 12 เรียกว่า งานกลางเดือน 12 เริ่มจัดงานตั้งแต่วันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 12 ถึงวันแรม 1 ค่ำ เดือน 12 รวม 5 วัน

คำบูชาหลวงพ่อโสธร คาถาพระเจ้า5พระองค์ ห้อยพระหลวงพ่อโสธร|คาถาหลวงพ่อโสธร
ท่องนะโม 3 จบ แล้วกล่าวคำบูชา
นะ ทรงฟ้า โม ทรงดิน พุทธ ทรงสินธุ์ ธา ทรงสมุทร ยะ ทรงอากาศ พุทธังแคล้วคลาด ธัมมังแคล้วคลาด สังฆังแคล้วคลาด ศัตรูพาลวินาศสันติ
นะ กาโร กุกกุสันโธ สิโรมัชเฌ โมกาโร โกนาคะมะโน นานาจิตเต พุทธกาโร กัสสะโป พุทโธ จะ ทะเวเนเต ธา กาโร ศรีศากกะยะมุนี โคตะโม ยะกันเน ยะกาโร อะริยะ เมตตรัยโย ชิวหาทีเต ปัญจะพุทธา นะมามิหัง
พุทธะบูชา มะหาเตชะวันโต ธัมมะบูชา มะหาปัญโญ สังฆะบูชา มะหาโภคะวะโห อะระหังพุทโธ อิติปิโสภะคะวา นะมามิหัง

ว่าคาถาหลวงพ่อโสธร นี้ทุกวันจะปลอดภัย ร่มเย็นเป็นสุขตลอดไปชีวิตราบรื่น เดินทางแคล้วคลาดภยันตรายต่างๆ

ใครคือผู้สร้าง”หลวงพ่อโสธร”
ตามประวัติหลวงพ่อโสธร ใครจะเป็นผู้สร้างหลวงพ่อโสธร และสร้างเมื่อ พ.ศ.เท่าใด ตำนานไม่ได้ความจริงและไม่ได้กล่าวไว้ให้เป็นหลักฐาน ทราบเอาแต่เพียงว่าประวัติหลวงพ่อโสธร นั้นเล่ากันมาว่าในจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือของไทย มีพระภิกษุสามองค์พี่น้อง เรียนพระธรรมวินัยแตกฉานแล้วก็จำแลงกายเป็นพระพุทธรูปลอยลงมาตามยังแม่น้ำบางประกง มาถึงเขตสัมปทวนก็ปรากฏองค์ขึ้น ชาวสัมปทวน พบเข้าก็พากันเอาเชือกมนิลามาฉุดขึ้น แต่เอาขึ้นมาไม่ได้ เชือกขาดพระทั้งสามองค์ก็จมหายไป บริเวณที่พระทั้งสามองค์ทวนน้ำหนีนั้นเรียกว่า “สามพระทวน” ต่อมาเรียกว่า “สัมปทวน” อำเภอเมืองฉะเชิงเทราจนทุกวันนี้ ต่อมาได้มาผุดขึ้นที่ครองคุ้ง ให้ชาวบ้านแถวนั้นเห็นอีก ชาวบ้านก็ชุดขึ้นฝั่ง แต่ไม่สำเร็จอีก สถานที่นั้นเรียกว่า “บางพระ” มาจนทุกวันนี้ แต่นั้นมาพระพุทธรูปทั้งสามองค์ก็ได้สำแดงอภินิหารในครองเล็กๆตรงข้ามกองพันทหารช่างฉะเชิงเทรา บริเวณนั้นเรียกว่า “แหลมลอยวน” คลองนั้นได้นามว่า “คลองสองพี่น้อง” ภายหลังก็เงียบไป องค์พี่ได้แสดงปาฏิหาริย์ลอยไปอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาไปปรากฏ ที่ตอนสามเสน ประขาขนเขตสามเสนก็หลั่งไหลมาอาราธรนาขึ้นฝั่งฉุดขึ้นเป็นการใหญ่ มีประชาชนพากันมาฉุดนับได้สามแสนคน สถานที่นั้นเรียกว่า “สามแสน” ภายหลังเลื่อนลอยมาเป็น “สามเสน” และเรียกกันอยู่ทุกวันนี้ ชาวสามเสนฉุดขึ้นไม่ได้พระพุทธรูปก็ปาฏิหาริย์ลอยไปถึงแม่น้ำแม่กลอง ไปปรากฏผุดขึ้นที่สมุทรสงคราม ชาวประมงได้พร้อมใจกันอาราธนาขึ้นไปประดิษฐานไว้ที่วัดบ้านแหลม เรียกกันว่า “หลวงพ่อวัดบ้านแหลม” มาจนทุกวันนี้ ได้เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์เป็นที่นับถือของพุทธศาสนิกชนชาวสมุทรสงครามมาก

องค์สุดท้องได้สำแดงอภินิหารไปผุดขึ้นที่คลองบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ประชาชนได้อาราธนาขึ้นไปประดิษฐานไว้ที่วัดบางพลีใหญ่ใน ตราบเท่าทุกวันนี้เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์มากอีกรูปหนึ่งของเมืองไทย คือ”หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน” ส่วนองค์กลางคือ”หลวงพ่อโสธร”ได้ลอยวนไปวนมา และมาแสดงอภินิหารผุดขึ้นหน้าวัดหงษ์ เล่ากันว่า ที่วัดนี้เดิมมีเสาใหญ่ที่มีรูปหงษ์อยู่บนยอดเสานั้น จึงได้ชื่อว่าวัดหงษ์ ต่อมาหงษ์ที่ยอดเสาหักตกลงมาเสียชำรุด ทางวัดจึงเอาธงไปติดไว้ที่ยอดเสาแทนรูปหงษ์ จึงได้ชื่อว่าวัดเสาธง แล้วต่อมาก็เกิดมีพายุพัดเสานี้หักลงส่วนหนึ่ง จึงได้ชื่อว่าวัดเสาทอน และต่อมาชื่อนี้ได้กลายไปเป็น(วัดโสธร)

ประชาชนพลเมืองจำนวนมากได้พากันหลั่งไหลมาอาราธนาฉุดขึ้นฝั่ง แต่ก็ไม่สำเร็จ ขณะนั้นมีอาจารย์วิเศษผู้รู้คนหนึ่งสำเร็จไสยศาสตร์หรือเทพไสย รู้หลักและวิธีอาราธนา จึงได้ทำพิธีปลูกศาลเพียงตาบวงสรวง กล่าวคำอัญเชิญชุมนุมเทวดาอาราธนา ได้ใช้สายสิญจน์คล้องที่พระหัตถ์ของพระพุทธรูป และค่อยฉุดลากขึ้นมาบนฝั่ง พระพุทธรูปก็เสด็จขึ้นมาบนฝั่ง ชาวเมืองต่าง ปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งได้พร้อมใจกัน อัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่ในพระวิหารวัดโสธร และเรียกนามว่า “พระพุทธโสธร” หรือ “หลวงพ่อโสธร” ตั้งแต่นั้นมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เกิดขึ้นในสมัยกรุงธนบุรี ตรงกับ พ.ศ.2313 รับเป็นประวัติพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยน้ำมาที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

หลวงพ่อโสธร ได้แสดงอภินิหารให้ปรากฏแก่พุทธศาสนิกชนบ่อยๆ เคยดลบันดาลให้คนเจ็บป่วยหายทันตา ผู้เป็นหมันไม่เคยมีบุตร ไปนมัสการหลวงพ่อโสธร ขอให้มีบุตรก็สำเร็จมามากแล้ว นอกจากนั้นก็มีผู้แสวงโชคลาภ ก็ไปขอหลวงพ่อก็เคยให้สำเร็จสมประสงค์ นับว่าหลวงพ่อได้อภิบาลรักษา ประสิทธิ์ประสาทจตุรพิธพรชัยให้แก่พุทธศาสนิกชนไม่น้อยเลย ท่านผู้ใดยังไม่เคยเห็น หลวงพ่อโสธรหรือไปกราบไหว้องค์จริงที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ควรหาโอกาสไปกราบไหว้ให้ได้ซักครั้ง เพื่อความผาสุกสวัสดิ์แก่ตัวและครอบครัว วัดหลวงพ่อโสธร มีเทพเทวา พรหม ปกปักษ์รักษา จำนวนมากถึง16องค์ นับว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีเทพเทวา มาเฝ้าดูแลรักษาคุ้มครองและทำหน้าที่ช่วยอนุเคราะห์ผู้คนที่มากราบไหว้องค์หลวงพ่อโสธร นมัสการท่านในแต่ละด้านแต่ละองค์มากที่สุดในประเทศ

การแก้บนหลวงพ่อโสธร ชาวบ้านนิยมบนขอพรจากองค์หลวงพ่อโสธร เมื่อสมหวังดังต้องการ ก็จะมาแก้บนที่นิยม นำมาถวายคือ ไข่ต้ม ผลไม้ พวงมาลัย และที่สำคัญคือละครชาตรี รำถวาย”หลวงพ่อโสธร”

พระเครื่องหลวงพ่อโสธร วัดโสธรวรารามวรวิหาร
ได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมากมายทั่วประเทศ โดยเฉพาะเหรียญหลวงพ่อโสธร ที่ผู้นิยมสะสมพระเครื่องให้ความสนใจ ซึ่งพระหลวงพ่อโสธร เป็นที่นิยมในตลาด ไม่ต่ำกว่า 10 รุ่น แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ เหรียญหลวงพ่อโสธรรุ่นแรก ปี 2460 ที่นับว่าเป็น สุดยอดวัตถุมงคลหลวงพ่อโสธร และถือได้ว่า”เหรียญหลวงพ่อโสธร รุ่นแรก” เป็นเหรียญพระพุทธที่มีราคาแพงที่สุดในประเทศ แต่สำหรับผู้ที่สนใจและศรัทธาองค์หลวงพ่อโสธร พระเครื่องหลวงพ่อโสธร ทางวัดโสธรวราราม ก็มีการสร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลหลวงพ่อโสธร ออกมาให้บูชาทุกปี ซึ่งก็มีพุทธคุณเหมือนกัน ด้วยบารมีของ”พระพุทธโสธร”

ขอขอบคุณ http://www.tumsrivichai.com/

Both comments and pings are currently closed.

Comments are closed.

. . . . . . .
. . . . . . .