ค่ายบางกุ้ง อัศจรรย์โบสถ์หลังเก่า ใต้ร่มเงาสี่พันธุ์เถา

จังหวัดสมุทรสงครามไม่เพียงขึ้นชื่อเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมทั้งหลาย หรือแม้แต่ ปลาทูแม่กลอง และบรรดาของหวานอันเลื่องลือเท่านั้น แต่ยังมีสถานที่ที่มีความแตกต่างและน่าสนใจไปไม่น้อยกว่าแห่งใดอย่าง ค่ายบางกุ้ง โบราณสถานสำคัญ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ไทยมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ที่ผ่านมาแล้วทั้งความรุ่งเรืองและห้วงยามแห่งการพ่ายแพ้ถดถอย ทว่าในวันนี้ร่องรอยหลายๆ อย่างของป้อมค่ายนี้ก็ยังยืนหยัดบอกเล่าเรื่องราวให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม สัมผัส โดยเฉพาะกับ โบสถ์ปรกโพธิ์ ที่ถือเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เมื่อธรรมชาติและศาสนาผสานเกื้อหนุนกันได้อย่างงดงาม


เดิมที ค่ายบางกุ้ง เป็นค่ายทหารเรือมาตั้งแต่สมัยของ สมเด็จพระเจ้าเอกทัศ พระมหากษัตริย์แห่ง กรุงศรีอยุธยา มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากองทหารอื่นๆ ในการต่อต้านกองทัพของข้าศึกที่ยกพลเข้ามาตีหัวเมืองรอบนอก รวมถึงหมายจะยึดเมืองหลวงไว้ด้วยเช่นกันในสมัยนั้น ทว่าจนแล้วจนรอดความรุ่งเรืองที่เคยสั่งสมมาก็ถึงคราวดับสูญเมื่อ กรุงศรีอยุธยาแตกเป็นครั้งที่ 2 ค่ายแห่งนี้ก็ถูกทิ้งร้างมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง จนเมื่อคราว สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงกอบกู้เอกราชได้สำเร็จจึงโปรดให้มีการรวบรวมพลพรรคชาวจีนจากเมืองต่างๆ ทั้ง ระยอง ชลบุรี ราชบุรี และกาญจนบุรี มาเป็นกองทหารรักษา ค่ายบางกุ้ง หรือในอีกชื่อเรียกว่า ค่ายจีนบางกุ้ง นั่นก็เนื่องมาจากเหตุผลนี้เอง และแม้ว่าช่วงเวลาหลังจากที่ พระเจ้าตากฯ โปรดให้ชาวจีนมารวมกันยังค่ายแห่งนี้แล้ว ยังจะต้องเผชิญกับศึกสงครามน้อยใหญ่มากครั้งก็ตามที แต่ในที่สุดก็ผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ มาได้จนกระทั่งปัจจุบัน
– โบสถ์ปรกโพธิ์มีเวลาปิดไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าจะมีผู้เข้าชมหรือไม่
– ต้นไม้ที่ขึ้นปกคลุมโบสถ์ทั้งหมดมีอยู่ 4 สายพันธุ์ คือ ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร และต้นกร่าง
– นอกจากการขับรถมายังค่ายบางกุ้งแล้ว เราสามารถโดยสารเรือจากฝั่งตลาดน้ำอัมพวาข้ามฟากมาได้ด้วยเช่นกัน

โดยในวันที่เรามีโอกาสไปเยือนค่ายแห่งนี้สิ่งหนึ่งที่สร้างความสะดุดตา ให้ในทันทีคงจะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก โบสถ์ปรกโพธิ์ ซึ่งแม้ว่าเมื่อยืนมองห่างๆ อาจจะดูไม่รู้ว่าอันที่จริงแล้วภายใต้ร่มเงาของกิ่งก้านใบและรากไม้ที่ เลื้อยขึ้นหนาแน่นอยู่นั้นจะมีโบสถ์ซึ่งเป็นเสมือนไข่ในหินอย่างไรอย่างนั้น หรือถ้าใครจะบอกว่าบรรดา ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร และ ต้นกร่าง ที่ยืดเหยียดตัวทำหน้าที่เป็นผนังและหลังคาของโบสถ์ก็คงไม่ผิดนัก แต่น่าแปลกก็ตรงที่หน้าต่างด้านข้างของโบสถ์กลับเหลือช่องให้สามารถมอง ผ่านกรอบภาพที่รังสรรค์โดยธรรมชาติเข้ามาเห็น หลวงพ่อนิลมณี พระพุทธรูปขนาดใหญ่องค์สีทองอร่าม ซึ่งประดิษฐานอยู่พร้อมกับภาพเขียนฝาผนังที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธ ประวัติต่างๆ แม้ว่าบางส่วนอาจเลือนรางไปตามกาลเวลา ทว่าก็ยังมากด้วยความน่าสนใจอยู่ดี กระทั่งเดินเข้านอกออกในชื่นชมความมหัศจรรย์ของโบสถ์หลังนี้อยู่หลายรอบ จนบอกได้คำเดียวว่าสุดยอด ว่าแต่จะสุดยอดอย่างไรก็ต้องลองมาพิสูจน์กันดู

ทั้งนี้เพื่อให้สมกับฐานะที่ในอดีตค่ายแห่งนี้เคยเป็นศูนย์รวมนักรบผู้กล้า หาญ จึงมีการนำรูปปั้นขนาดใกล้เคียงคนจริงในท่วงท่าการต่อสู้แบบไทยมาวางเรียง รายให้ได้ชมมากมาย ซึ่งก็รวมไปถึงอนุสาวรีย์ของ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อเป็นการยกย่องในพระปรีชาสามารถของพระองค์ แถมเรายังได้สักการะอนุสาวรีย์พระเจ้าตากฯ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตอีกด้วย เราเชื่อว่า ถ้าคุณได้มาเยือนที่แห่งนี้ด้วยตัวเอง ค่ายบางกุ้งคงไม่ทำ ให้คุณผิดหวังกับภาพความงามต่างๆ โดยเฉพาะ โบสถ์ปรกโพธิ์ ที่เปรียบไปแล้วก็เหมือนว่าพันธุ์ไม้ทั้ง 4 ต่างร่วมแรงแข็งขันช่วยกันอุ้มชูพระพุทธศาสนาก็คงได้ อีกอย่างภาพที่เห็นยังให้ความแปลกตาทำเอาอ้าปากค้างได้ไม่ยากเช่นกัน ทั้งนี้คงจะจริงที่ว่านอกจากฝีมือมนุษย์ซึ่งสามารถสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ได้อย่างมหัศจรรย์แล้ว แต่บางอย่างคงต้องปล่อยให้ธรรมชาติได้แสดงฝีมือบ้าง เหมือนอย่างที่นี่เป็นต้น

ขอขอบคุณ http://www.thaiticketmajor.com/

Both comments and pings are currently closed.

Comments are closed.

. . . . . . .
. . . . . . .