พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ

chedi2

ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ในเขตตำบลปากคลองบางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ตามประวัติกล่าวว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์กับเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค) เป็นแม่กองจัดสร้างป้อมปราการจำนวน 6 ป้อม ใช้เวลาในการก่อสร้างทั้งหมด ๓ ปีจึงแล้วเสร็จ เมื่อสร้างป้อมเสร็จแล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ กับเจ้าพระยาพระคลัง เป็นผู้อำนวยการสร้างพระเจดีย์ขึ้นที่เกาะหาดทรายท้ายป้อมผีเสื้อสมุทร เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการที่พระองค์ทรงสละพระราชทรัพย์ เพื่อปกป้องประเทศชาติและพระศาสนา โดยโปรดฯ ให้กรมพระราชวังสถานมงคลมหาศักดิพลเสพ กับพระยาราชสงครามเขียนแบบแผนผังรูปพระเจดีย์ถวาย แล้วทรงเฉลิมพระนามว่า “ พระสมุทรเจดีย์ ”

แต่ยังมิได้ทันก่อสร้างก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน เมื่อสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) จึงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เจ้าพระยาศรีธรรมราชกับเจ้าพระยาพระคลังเป็นแม่กองจัดสร้างต่อการก่อสร้างเริ่มเมื่อวันอังคาร ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 12 (ตรงกับวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2370) แล้วเสร็จเมื่อวันพุธ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 (ตรงกับวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2371) ลักษณะขององค์พระสมุทรเจดีย์ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลนี้เป็นเจดีย์รูปสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ต่อมาได้มีผู้ร้ายลักลอบขุดองค์ระฆังลักเอาพระบรมธาตุที่บรรจุอยู่ภายใน

Read more »

วัดพระสมุทรเจดีย์

พระสมุทรเจดีย์01

วัดพระสมุทรเจดีย์ หมู่ 3 บ้านเจดีย์ ตำบลปากคลองบางปลากด อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นวัดราษฎร์ ฝั่งตรงข้ามศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ มีผู้คนมาเคารพสักการบูชา และยังเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัดสมุทรปราการ ผู้คนทั่วไปจะเรียกกันติดปากว่า พระเจดีย์กลางน้ำ เนื่องจากเดิม บริเวณที่ก่อสร้างพระสมุทรเจดีย์เป็นเกาะที่มีน้ำล้อมรอบ ต่อมาชายตลิ่งฝั่งขวาของแม่น้ำตื้นเขินงอกออกมา เชื่อมติดกับเกาะอันเป็นที่ตั้งพระเจดีย์ สมุทรปราการ เป็นเมืองที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ตัวเมืองเก่าอยู่แถบอำเภอพระประแดงและมีชื่อเรียกว่า “เมืองพระประแดง” เป็นสถานที่พักของเมืองสินค้าต่างชาติที่มาติดต่อค้าขายกับไทย ที่บริเวณริมทะเลมีการสร้างป้อมค่ายคูเมืองอย่างมั่นคงแข็งแรง ต่อมา ในสมัยกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช โปรดให้รื้อกำแพงเมืองพระประแดงออก

ในปี พ.ศ. 2362 สมัยแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) ทรงเห็นว่าจะเป็นช่องทางที่ข้าศึกจะยกทัพมาได้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองสมุทรปราการขึ้นที่ตำบลปากน้ำ โดยใช้เวลาสร้าง 3 ปี และได้จัดสร้างป้อมปราการขึ้นทั้งสองฝั่งแม่น้ำถึง 6 ป้อม คือ ป้อมประโคนชัย ป้อมนารายณ์ปราบศึก ป้อมปราการ ป้อมประกายสิทธิ์ ป้อมนาคราช และป้อมผีเสื้อสมุทร ในขณะที่สร้างเมืองนั้น รัชกาลที่ 2 ได้เสด็จทอดพระเนตรหลายครั้งและทรงสร้างพระมหาเจดีย์ ขึ้นที่เกาะกลางน้ำแล้วพระราชทานนามว่า “พระสมุทรเจดีย์” การสร้างยังมิทันเสร็จได้เสด็จสวรรคตเสียก่อน ต่อมา ในรัชกาลที่ 3 ได้ทรงสร้างต่อจนสำเร็จและสร้างป้อมขึ้นอีก 3 แห่ง คือ ป้อมตรีเพชร ป้อมคงกระพัน และป้อมเสือซ่อนเล็บ

Read more »

พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ อลังการงานศิลป์ ประติมากรรมสีนิลของคนตะวันออก

949f2f44-e2d1-54e9-8b1d-528f11276c2b

ใครที่ผ่านมาตามเส้นทางถนนวงแหวนอุตสาหกรรม หรือสุขุมวิทสายเก่าเพื่อไปยังเมืองปากน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ คงจะต้องผ่านรูปช้างเอราวัณหรือช้างสามเศียรขนาดใหญ่แน่นอน และวันนี้จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวของเราก็คือ “พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ” นั่นเอง จอดรถแล้วก็ซื้อตรงไปซื้อบัตรผ่านประตูที่บริเวณด้านหน้ากันเลยครับ

“พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ” สร้างขึ้นจากความคิดและจิตนาการของ“คุณเล็ก วิริยะพันธุ์” ผู้ก่อตั้งเมืองโบราณ เพื่อให้เป็นสถานที่เก็บรักษาศิลปวัตถุและโบราณวัตถุที่คุณเล็กเก็บสะสมไว้ บนพื้นที่กว่า 12 ไร่ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณแบ่งออกเป็น พิพิธภัณฑ์ภายในช้างเอราวัณ และป่าหิมพานต์ เราเลือกที่จะเริ่มต้นกันด้วยการเดินเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ภายในตัวช้างกันก่อน ซึ่งมีทั้งหมดด้วยกัน 3 ชั้น แบ่งตามความเชื่อในหลักไตรภูมิ เริ่มจากชั้นล่างสุดเรียกว่า “สุวรรณภูมิ”ซึ่งเป็นส่วนจัดแสดงโบราณวัตถุ และเครื่องถ้วยชามสังคโลก รวมถึงของเก่าต่างๆ ที่หาชมได้ยากมาก ส่วนกลางห้องหลังประตูทางเข้ามีรูปหล่อจำลองมนุษย์นาคอันสวยงามที่สร้างขึ้นตามจินตนาการของคุณเล็ก

Read more »

เที่ยวพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ แวะเมืองโบราณ เมืองปากน้ำ

samutprakan1

เมืองปากน้ำ หรือ สมุทรปราการ นอกจากจะมีควมสำคัญทางประวัติศาตร์ในฐานะเมืองหน้าด่านทางทะเลที่สำคัญในอดีตแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและมีชื่อเสียงมากมาย แต่ละที่ก็อลังการไม่ธรรมดา ทริปนี้จะพาเที่ยวแบบสั้นๆ ในวันเดียว โดยจะเริ่มจากพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ เมืองโบราณ และไปจบที่สถานตากอากาศบางปูเห็นชื่อสถานที่ท่องเที่ยวก็คงคุ้นตากันอยู่แล้ว เพราะแต่ละที่ก็ท๊อปฮิต ติดอันดับต้นๆ ของเมืองปากน้ำทั้งนั้น

พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ สถานที่ท่องเที่ยวอันดับแรกที่จะแวะเติมความสุขกันในช่วงเช้าของการเดินทางในทริปนี้ ขับรถมาตามถนนไปเรื่อยๆ ตามถนนสุขุมวิท เมื่อเข้าเริ่มเข้ามาใกล้ๆ จะเห็นของ หัวช้างสามเศียร โดดเด่นมาแต่ไกล หลังจากหาที่จอดรถ ซึ่งทางพิพิธภัณฑ์ได้จัดไว้ด้านหลังสำหรับผู้เข้าชมจอดฟรี เสียค่าเข้าชมแบ่งเป็น 2 แบบ คือ แบบที่ 1 ไม่ได้เข้าชมภายในตัวช้างจะเสียค่าเข้า 50 บาท แบบที่ 2 เข้าชมภายในตัวช้าง ผู้ใหญ่ 150 บาท เด็ก 50 บาท ?รวมค่าดอกไม้ ธูปเทียน และชุดไว้ด้วย

ก่อนเข้าสู่บริเวณพิพิธภัณฑ์ จะผ่านสวน ซึ่งเรียกว่า ป่าหิมพานต์ มีสัตว์ในวรรณคดีต่าง ซึ่งก่อนจะเข้าสู่พิพิธภัณฑ์ต้องต้องผ่านป่าหิมพานต์ก่อนถึงจะขึ้นสรวงสวรรค์ และเมื่อก้าวเข้าภายในใกล้กับอาคาร พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ยิ่งตะลึงกับความอลังการของ ช้างสามเศียร ดูแล้วก็แอบขนลุกในความน่าเกรงขามของ เศียรช้าง แค่เศียรเดียวก็อึ้งแล้ว แต่นี่รวมกันสามเศียร์ ยิงทึ่งในความอลังการของ ประติมากรรมอันยิ่งใหญ่ ?จะเดินไปช่วงใด ก็รู้สึกเหมือนเศียรของช้างอยู่ใกล้ตัวเราตลอด? นับถือความพยายามและตั้งใจของเจ้าของที่ได้คิดและสร้างสรรค์ปะติมากรรมนี้ขึ้นมาให้มนุษย์โลกอย่างเราได้ชมกัน??เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงวัตถุมีค่าและโบราณวัตถุไว้จำนวนมาก เช่น พระพุทธรูป เทวรูปสมัยต่างๆ และภาพวาด สร้างขึ้นจากความคิดและจินตนาการของคุณ เล็ก วิริยะพันธุ์ ?ที่ต้องการรักษาของโบราณที่ท่านสะสมไว้ รวมถึงรูปเคารพศักดิ์สิทธิ์ไว้ให้เป็นมรดกของแผ่นดินไทย แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดก็เห็นจะเป็นตัวพิพิธภัณฑ์ที่เป็นรูปช้างสามเศียร Read more »

พาชม พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ นานาศิลป์ จ.สมุทรปราการ

ช้างเอราวัณถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนนิยมเดินทางไปสักการะบูชา ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท ก่อนเข้าตัวเมืองปากน้ำ ในเนื้อที่ 12 ไร่ ของบริษัท ธนบุรีประกอบยนต์ จำกัด ตำบลบางเมืองใหม่ เป็นงานปฏิมากรรมลอยตัว ความสูงเทียบเท่าตึก 17 ชั้น สูงจากฐานอาคารถึงหัวช้าง 42 เมตร ตัวช้างทำด้วยโลหะทองแดงเคาะด้วยมือทั้งหมด
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างจากแรงบันดาลใจ และความคิดของ คุณเล็ก-วิริยะพันธ์ผู้สร้างเมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ และปราสาทสัจธรรม เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เพื่อให้เป็นสถานที่เก็บรักษาศิลปวัตถุ มรดกทางวัฒนธรรมด้านต่าง ๆ และเพื่อสืบสานอนุรักษ์งานศิลป์ไทยให้คงอยู่สืบชั่วลูกชั่วหลานสืบไป
ช้างเอราวัณ หรือ ช้างสามเศียรเป็นประติมากรรมลอยตัวด้วยวิธีเคาะมือแห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำจากโลหะทองแดง แผ่นเล็กสุดขนาดเท่าฝ่ามือ นำมาเรียงต่อกันด้วยความประณีตนับแสนชิ้น ตัวช้างรวมอาคารมีความสูง 43.60 เมตร (หรือสูงขนาดตึก14-17 ชั้นโดยประมาณ)

อาคารพิพิธภัณฑ์ช้าง เอราวัณแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ ส่วนบนของตัวช้าง เฉพาะส่วนหัวมีน้ำหนักประมาณ 100 ตัน ลำตัวช้างหนัก 150 ตัน สูง 29 เมตร กว้าง 12 เมตร และยาว 39 เมตร ตัวช้างออกแบบให้เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงวัตถุมีค่า เช่น ภาพวาดสีฝุ่นรูปจักรวาล พระพุทธรูปปางลีลา บริเวณท้องช้างปูด้วยไม้มะเกลือสีออกดำ ส่วนล่างของตัวช้าง เป็นฐาน โครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก อาคารศาลามีความสูง 14.60 เมตร กระจายน้ำหนักตัวช้างด้วยคานวงแหวนรอบนอกและรอบใน บนอาคารถ่ายน้ำหนักลงเสาแปดเสาภายนอกและสี่เสาภายใน อาคารศาลาการตกแต่งเป็นการผสมผสานศิลปะหลากหลายรูปแบบ เช่น การใช้กระจกสีแบบศิลปะตะวันตก, เครื่องเบญจรงค์สลับลวดลายสอดสี, การดุนโลหะบนแผ่นดีบุกของช่างเมืองนครศรีธรรมราช และรูปปั้นโบราณชนิดต่าง ๆ อาทิ คนธรรพ์บรรเลงดนตรี รูปพญานาค ของช่างเมืองเพชร

Read more »

ไปไหว้…พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ

01_1

ช้างเอราวัณถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนนิยมเดินทางไปสักการะบูชา ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท ก่อนเข้าตัวเมืองปากน้ำ ในเนื้อที่ 12 ไร่ ของบริษัท ธนบุรีประกอบยนต์ จำกัด ตำบลบางเมืองใหม่ เป็นงานปฏิมากรรมลอยตัว ความสูงเทียบเท่าตึก 17 ชั้น สูงจากฐานอาคารถึงหัวช้าง 42 เมตร ตัวช้างทำด้วยโลหะทองแดงเคาะด้วยมือทั้งหมด

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างจากแรงบันดาลใจ และความคิดของ คุณเล็ก-วิริยะพันธ์ผู้สร้างเมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ และปราสาทสัจธรรม เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เพื่อให้เป็นสถานที่เก็บรักษาศิลปวัตถุ มรดกทางวัฒนธรรมด้านต่าง ๆ และเพื่อสืบสานอนุรักษ์งานศิลป์ไทยให้คงอยู่สืบชั่วลูกชั่วหลานสืบไป

 

ช้างเอราวัณ หรือ ช้างสามเศียรเป็นประติมากรรมลอยตัวด้วยวิธีเคาะมือแห่งแรกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำจากโลหะทองแดง แผ่นเล็กสุดขนาดเท่าฝ่ามือ นำมาเรียงต่อกันด้วยความประณีตนับแสนชิ้น ตัวช้างรวมอาคารมีความสูง 43.60 เมตร (หรือสูงขนาดตึก14-17 ชั้นโดยประมาณ)

Read more »

พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ สมุทรปราการ

ตั้งอยู่เลขที่ 99/9 หมู่ 1 ตำบลบางเมืองใหม่ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างจากแรงบันดาลใจ ความคิดและจินตนาการของคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ ผู้สร้างเมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ และปราสาทสัจธรรม เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เพื่อให้เป็นสถานที่เก็บรักษาศิลปวัตถุ มรดกทางวัฒนธรรมด้านต่าง ๆ และเพื่อสืบสานอนุรักษ์งานศิลป์ไทยให้คงอยู่สืบชั่วลูกชั่วหลานสืบไป ช้างเอราวัณหรือช้างสามเศียร เป็นประติมากรรมลอยตัวที่ใช้เทคนิคการเคาะโลหะขึ้นรูปด้วยมือเป็นแห่งแรกในโลก ทำจากโลหะทองแดงนับแสนชิ้นแผ่นเล็กสุดขนาดเท่าฝ่ามือนำมาย่างไฟให้อ่อนตัวแล้วเคาะเรียงต่อกันด้วยความประณีต ตัวช้างรวมอาคารมีความสูง 43.60 เมตร (หรือสูงขนาดตึก 14-17 ชั้นโดยประมาณ) อาคารพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ ส่วนบนของตัวช้างและส่วนล่างของตัวช้าง ส่วนบนของตัวช้าง เฉพาะส่วนหัวมีน้ำหนักประมาณ 100 ตัน ลำตัวช้างหนัก 150 ตัน สูง 29 เมตร กว้าง 12 เมตรและยาว 39 เมตร ท้องช้างหรือชั้นสวรรค์ ปูด้วยไม้มะเกลือสีออกดำ ออกแบบให้เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงวัตถุมีค่า เช่น ภาพเขียนสีฝุ่นรูปสุริยจักรวาล โบราณวัตถุของคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ ส่วนล่างของตัวช้าง เป็นฐานประกอบด้วยอาคารศาลามีความสูง 14.60 เมตร โครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก กระจายน้ำหนักตัวช้างด้วยคานวงแหวนรอบนอกและรอบในบนอาคาร ถ่ายน้ำหนักลงเสาแปดเสา Read more »

พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ

พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ เป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดสมุทรปราการ ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท บริเวณที่ตัดกับถนนกาญจนาภิเษก ตำบลบางเมืองใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณยัง ถือได้วาเป็น งานประติมากรรมลอยตัวช้างทองแดงที่ใช้เทคนิคการเคาะขึ้นรูปด้วยมือ ที่มีความสูง จากหัวช้างลงมาสู่ฐาน วัดได้ 43.6 เมตร หรือประมาณความสูงของตึก 14 ชั้น พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณสร้างขึ้นจากความคิดและจินตนาการของคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ นักธุรกิจเจ้าของบริษัทวิริยะประกันภัย ด้วยต้องการจะรักษาของโบราณที่ท่านสะสม รวมถึงรูปเคารพศักดิ์สิทธิ์ไว้ให้เป็นมรดกของแผ่นดินไทย จึงได้สร้างตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่จัดเก็บโบราณวัตถุที่มีค่าเหล่านี้ไว้เพื่อความปลอดภัยและเพื่อความเหมาะสม

ขอขอบคุณ http://th.wikipedia.org/

อัตราค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ :: อัตราค่าเข้าชม

อัตราค่าบริการสำหรับบุคคลทั่วไป
ค่าเข้าชมสำหรับบุคคลทั่วไป (พร้อมดอกไม้ ธูป ทองคำเปลว สามารถเดินชมบริเวณสวนได้โดยรอบ)

เที่ยวชมตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 17.00 น.
– บุคคลทั่วไป : ผู้ใหญ่ 200 บาท / เด็ก(อายุ 6-15 ปี) 100 บาท
– ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 400 บาท / เด็ก 200 บาท
เที่ยวชมตั้งแต่เวลา 17.00 น. – 20.00 น.
– บุคคลทั่วไป : ผู้ใหญ่ 100 บาท / เด็ก(อายุ 6-15 ปี) 50 บาท
– ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 200 บาท / เด็ก 100 บาท

* มีบริการ Audio Guide( ไทย,อังกฤษ,จีน )
เวลาทำการ : 09.00 – 20.00 น. ทุกวัน
อัตราเข้าชมพิเศษ สำหรับนักเรียน-นักศึกษา ที่มาเป็นหมู่คณะในนามโรงเรียนหรือสถานศึกษา
* ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
โทร 02-371 3135-6 แฟกซ์ 02-380 0304

Read more »

ข้อมูลการเดินทาง :: เส้นทางไปเมืองโบราณ สมุทรปราการ

howtovisit

รถยนต์ส่วนตัว :
ใช้เส้นทางด่วน ปลายทางที่สำโรง-สมุทรปราการ
รถโดยสารสาธารณะ :
รถประจำทางสาย 25 142 365
รถประจำทางปรับอากาศสาย 102 507 511 536
ดาวน์โหลดแผนที่เส้นทาง (PDF)
“เส้้นทางการเดินทาง”
เส้นทางหลวงของประเทศไทยที่มุ่งตรงสู่เมืองโบราณ
แบ่งออกเป็น 5 ภาค คือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก
ภาคกลาง และภาคใต้
ภาคเหนือตอนบน เส้นทางหลวงหมายเลข 1
แบ่งออกเป็น 2 สาย คือ เส้นทางสายหลักและเส้นทางสายลอง
1. เส้นทางสายหลัก
จากเชียงราย – กรุงเทพ เรียกว่า ถนนพหลโยธิน
เชียงราย – พะเยา – ลำปาง – ตาก – กำแพงเพชร – นครสวรรค์ – อุทัยธานี – ชัยนาท – ลพบุรี – สระบุรี – อยุธยา – ปทุมธานี – นนทบุรี – กรุงเทพ
จากกรุงเทพใช้ถนนวิภาวดีรังสิตขึ้นทางด่วนดินแดง – บางนาลงถนนสุขุมวิท จากแยกบางนาตามถนนสุขุมวิทไปสมุทราปราการ ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตรถึงพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ
Read more »

พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ–กระจกสี

glass

กระจกสีเป็นงานศิลปะในวัฒนธรรมตะวันตก ซึ่งติดตั้งอยู่ที่เพดานอาคารทรงโดมหรือชั้นโลกมนุษย์ของพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ โดยศิลปินผู้ออกแบบและวาดภาพบนกระจกสีนี้เป็นชาวเยอรมันชื่อว่า Jakob Schwarzkopf เป็นศิลปินอิสระ รับงานออกแบบและวาดภาพตามโบสถ์ วิหารและสถานที่สำคัญในประเทศแถบยุโรป อเมริกา และตะวันออกกลาง ศิลปินท่านนี้ประทับใจคุณเล็กผู้สร้างเมืองโบราณ บางปูและปราสาทสัจธรรมที่พัทยา จึงคิดฝากผลงานของตนไว้ ณ พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณที่คุณเล็กกำลังดำเนินการก่อสร้างแห่งนี้
เมื่อศิลปินทราบขนาดพื้นที่ของงานศิลปะที่จะทำการติดตั้งแล้ว จึงเริ่มทำการออกแบบภาพวาดและลวดลาย แล้วจึงสั่งบริษัทผลิตกระจกสีตามกรรมวิธีโบราณคือ เป่าแก้วแล้วนำเข้าเครื่องรีดเป็นแผ่นโดยแยกกระจกสีออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่ศิลปินต้องวาดภาพลงไปกับส่วนกระจกสีพื้นเป็นลวดลายประกอบของผลงาน จากนั้นศิลปินจะนำกระจกที่ได้ไปวาดภาพตามที่ออกแบบไว้ แล้วนำกระจกไปอบเพื่อให้ผลงานมีความคงทนยืนนาน เมื่ออบกระจกครบตามระยะเวลา บริษัทที่ดำเนินการติดตั้งกระจกสีจะลำเลียงกระจกสีจากเยอรมันมายังประเทศไทย การติดตั้งนั้นทางพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณจะเตรียมโครงเหล็กสำหรับยึดกระจกสีไว้ตามที่บริษัทรับติดตั้งได้คำนวณและออกแบบไว้ ซึ่งบริษัทส่งเจ้าหน้าที่จากเยอรมันมาทำการติดตั้งกระจกสี โดยการใส่กรอบตะกั่วแผ่นกระจกและมีลวดสแตนเลสรองรับอีกทีหนึ่ง ทั้งนี้ขณะทำการติดตั้งศิลปินผู้ออกแบบและบริษัทที่ดำเนินงานติดตั้งจะเดินทางมาตรวจตราเป็นระยะ
Read more »

พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ-ปูนปั้นประดับเบญจรงค์

stucco1

งานปูนปั้นอันวิจิตรบรรจงภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ เป็นฝีมือของอาจารย์สำรวย เอมโอษฐ์ ช่างเมืองเพชรบุรีและทีมงาน ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในการสร้างสรรค์งานปูนปั้นแบบโบราณ อันเป็นกรรมวิธีที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติเป็นหลัก เพราะปูนตำหรือปูนโบราณนั้นมีคุณสมบัติที่แห้งช้า จึงทำให้การตกแต่งลวดลายต่างๆได้ง่ายกว่าการใช้ปูนซีเมนต์ อีกทั้งประกอบกับความสวยงามวิจิตรบรรจงของเครื่องถ้วยเบญจรงค์ที่มีสีสันหลากหลาย ทำให้เกิดความสวยงามมากขึ้น แต่สำหรับงานปูนปั้นบางชิ้นที่มีขนาดใหญ่จะมีส่วนผสมของปูนซีเมนต์ เช่น เศียรพญานาค กินรีและกินนร เป็นต้น รูปปั้นเหล่านี้ขึ้นรูปด้วยปูนซีเมนต์ก่อนแล้วจึงตกแต่งด้วยปูนตำปั้นทับลงไปอีกชั้นพร้อมกับประดับเบญจรงค์
ส่วนผสมของปูนตำ
1.หินฟลูออไรด์
2.ปูนขาว
3.หินทรายแดง
4.ปูนกินหมาก
5.กาวหนังควาย
6.น้ำตาลอ้อย
7.ข้าวเหนียว
8.กระดาษฟางแช่น้ำ
9.ทรายละเอียด
Read more »

พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ-ภาพจิตรกรรมสุริยจักรวาล

art

คุณเล็ก วิริยะพันธุ์ มีความคิดว่าภายในท้องช้างซึ่งจะจัดแสดงโบราณวัตถุนั้น ควรมีลักษณะเป็นสวรรค์และจักรวาล คุณพากเพียรบุตรชายคนโตผู้สานเจตนารมณ์ของบิดา ได้ติดต่อนาย Jakob Schwarzkopf ศิลปินชาวเยอรมัน ผู้สร้างผลงานกระจกสีที่เพดานอาคารทรงโดมพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ให้ดำเนินการออกแบบวาดภาพจิตรกรรมสีฝุ่นรูปสุริยจักรวาลภายในท้องช้างเอราวัณศิลปินผู้ออกแบบอาศัยความโค้งของท้องช้างโดยออกแบบภาพวาดเป็นรูปสุริยจักรวาลในลักษณะร่วมสมัย มีดวงดาวต่างๆในระบบสุริยจักรวาลเรียงรายอยู่ในท้องฟ้าจนสุดขอบจักรวาลภาพจิตรกรรมสีฝุ่นนี้เป็นการวาดภาพแบบโบราณของทางยุโรปเช่นเดียวกับการวาดภาพของไทย
โดยเริ่มจากทำความสะอาดพื้นปูนที่จะวาดให้เรียบร้อย จากนั้นทาสีรองพื้นครั้งที่ 1 เมื่อแห้งจึงทาสีรองพื้นครั้งที่ 2 คุณสมบัติของสีรองพื้นนี้คือลบรอยร้าวของผนังปูน หลังจากนั้นจึงทาทับด้วยสีรองพื้นจริง(สีขาว)เป็นครั้งที่ 3 แล้วปล่อยให้แห้งสนิท นำกระดาษไขมาปรุตามลายเส้นของภาพจิตรกรรม แล้วทาบบนพื้นปูนที่จะวาด จึงใช้สีฝุ่นตบไปตามรอยปรุของกระดาษไข ซึ่งจะได้โครงร่างของภาพเขียนก่อนที่จะลงสี จากนั้นจึงลงสีตามที่ออกแบบไว้ภาพกลุ่มอุกกาบาตมีการวาดแตกต่างไปจากภาพอื่นๆคือการปิดทองคำเปลวที่ภาพซึ่งเป็นเทคนิคโบราณของเยอรมัน โดยเริ่มจากทาสีทองที่รูปอุกกาบาตแล้วใช้น้ำประสานทองทาทิ้งไว้จนแห้งประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้นนำแผ่นทองคำเปลวมาปิดทับโดยใช้มือตบให้แผ่นทองติดสนิทแล้วใช้แปรงปัดแผ่นทองเป็นเนื้อเดียวกันไม่ให้มีรอยต่อ เมื่อเสร็จสีทองจะขับเน้นกลุ่มอุกกาบาตให้ลอยเด่นขึ้นมาภาพจิตรกรรมสุริยจักรวาลเป็นภาพขอบฟ้าอันเวิ้งว้าง ประกอบด้วยดวงดาวต่างๆ ทางช้างเผือก กลุ่มอุกกาบาต ดาวหาง ซึ่งเป็นสรรพสิ่งที่อยู่ร่วมกันในจักรวาล และเราก็คือสิ่งมีชีวิตเล็กๆในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล

ขอขอบคุณ http://www.ancientcitygroup.net/

พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ-เสาหุ้มดีบุก

pillar1

เสาทั้งสี่ต้นภายในอาคารพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณประดับด้วยดีบุกดุนลายจากฝีมือช่างชาวนครศรีธรรมราชและช่างเชียงใหม่ ซึ่งชำนาญการทำเครื่องถมและเครื่อง เงินอันเป็นงานดุนโลหะประเภทหนึ่ง ตามปกติงานดุนโลหะมักใช้วัสดุทองแดง ทองเหลือง และเงินแต่เหตุที่เลือกใช้ดีบุก เป็นงานดุนประดับเสาในอาคารพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ เนื่องมาจากแต่เดิม คุณเล็ก วิริยะพันธุ์ มีดำริที่จะสร้างช้างด้วยดีบุก แต่เมื่อไม่สามารถทำได้และต้องเปลี่ยนมาใช้ทองแดงแทน คุณพากเพียร วิริยะพันธุ์ ผู้สานต่องานจึงนำดีบุกมาประดับเสาทั้งสี่ต้น เพื่อเป็นที่ระลึกและสืบทอดเจตนารมณ์ของบิดา เสาแต่ละต้นถ่ายทอดเรื่องราวศาสนาสำคัญของโลกประกอบด้วยศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ ศาสนาฮินดู และศาสนาพุทธนิกายมหายาน(ประวัติเจ้าแม่กวนอิม) ซึ่งแต่ละต้นจะใช้ระยะเวลาในการทำงานประมาณสามปี เสาทั้งสี่จึงเป็นเสาแห่งความกตัญญูและเสาสี่ศาสนาค้ำจุนโลก
วัสดุและอุปกรณ์ในการทำงานสลักดุน
1.แผ่นดีบุกแผ่นเรียบ
2.ค้อน
3.สิ่ว (หลายขนาด)
4.ชันและขี้ผึ้ง
5.เส้นลวดตะกั่ว
6.ตะเกียงเป่าแล่น
7.กรอบไม้หรือกะบะไม้
8.ดินน้ำมัน

Read more »

พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ-ศิลปะและสถาปัตยกรรม

เมื่อคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ได้ออกแบบพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ โดยมีทีมช่างเมืองโบราณเป็นผู้เขียนแบบร่างและปั้นหุ่นจำลองช้างเอราวัณดินเหนียวต้นแบบ คุณเล็กมอบหมายงานชิ้นนี้ให้ คุณพากเพียร วิริยะพันธุ์ บุตรชายคนโตเป็นผู้รับผิดชอบโครงการจัด หาช่างและวัสดุในการสร้าง ต่อมาคุณ พากเพียร ติดต่อบริษัทสถาปนิกเพื่อทำการออกแบบ ซึ่งได้ คุณสุวรรณี นภาสว่างวงศ์ เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบอาคารพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณจากต้นแบบ โดยใช้ โฟม ไฟเบอร์ และขี้ผึ้งจำลองเป็นรูป ทรงอาคารช้างสามเศียรหลายครั้ง เพื่อหาโครงสร้างภายในอย่างละเอียด โดยสร้างรูปทรงจำลองเป็นไฟเบอร์เพื่อหารูปทรงภายในส่วนรูปช้างหุ่นขี้ผึ้งจำลองนั้นเป็นแบบปั้นสมบูรณ์ก่อนจะเริ่มสร้างช้างขนาดจริง ซึ่งสถาปนิกต้องสร้างช้างโฟมจำลองก่อนจะตีเส้นหาแบบร่างเพื่อนำมาวาดเป็นแบบแปลนก่อสร้าง เพราะโครงสร้างแต่ละท่อนไม่มีรูปทรงชัดเจนเหมือนการสร้างอาคารทั่วไป โดยเฉพาะส่วนหัวช้างจะทำยากที่สุด หลังจากนั้นก็เริ่มเขียนแบบแปลนการก่อสร้าง ปรึกษาวิศวกร หาความเป็นไปได้ในการก่อสร้าง พอได้แบบแปลนแล้วก็ขออนุญาตทางการเพื่อดำเนินการก่อสร้างอาคารช้างเอราวัณ กำหนดทำพิธีวางศิลาฤกษ์พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2537 และเริ่มทำการก่อสร้างเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2537 โดยสร้างอาคารทรงโดมที่ช้างยืนอยู่ เป็นอาคารโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กมีความสูง 14.60 เมตร ใช้หลักการกระจายน้ำหนักตัวช้างด้วยคานวงแหวนรอบนอกและรอบในอาคารถ่ายน้ำหนักลงบนเสาแปดเสาภายนอก และเสาสี่เสาภายในอาคารทรงโดมโครงสร้างช้างนั้นขาทั้งสี่เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก
Read more »

. . . . . . .
. . . . . . .