ชมอัศจรรย์ค้างคาวแม่ไก่ วัดโพธิ์บางคล้า

eattravel_660

ที่เที่ยว UNSEEN อีก 1 ที่ของฉะเชิงเทรา ค้างคาวแม่ไก่ วัดโพธิ์บางคล้า วัดนี้ตั้งอยู่ในตัวอำเภอบางคล้าติดริมแม่น้ำบางประกงอยู่ห่างจากตัวเมือง ฉะเชิงเทรา ประมาณ 23 กม. มี บรรยากาศร่มรื่นมาก

_DSC3362

 

ส่วนค้างคาวแม่ไก่ที่มาอยู่ที่วัดมาตั้งเเต่เมื่อไหร่ไม่มีใครบอกได้ ดีไม่ดีอาจจะอยู่ตั้งแต่ก่อนสร้างวัดด้วยซ้ำ ค้าวคาววัดโพธิ์แปลกอยู่อย่างเช่น ไม่ไปเกาะนอกรั้ววัดเลย ทั้งๆที่ต้นไม้ก็เยอะเหมือนกัน และถ้ามาช่วงเย็นๆอาจจะได้เห็นฝูงค้างคาวบินออกไปหากินเป็นฝูงเลยดูน่าตื่น ตาเลยทีเดียว

ขอขอบคุณ http://www.thailandexhibition.com/

วัดโพธิ์ บางคล้า ริมน้ำบางปะกง จ. ฉะเชิงเทรา

IMG_0502

วัดโพธิ์ บางคล้า สร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2310 – 2325 ในสมัยพระเจ้าตากสินมหาราช

วัดนี้มีค้างคาวแม่ไก่อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และอยู่มานานมากแล้ว
ซูมดูค้างคาวที่ห้อยหัวอยู่บนต้นไม้
น่าทึ่งมาก ไม่เคยเห็นชัดๆ แบบนี้มาก่อนเลยค่ะ
ปกติเคยเห็นแต่ในถ้ำ ดำๆ จุดเล็กๆ

ที่น่าแปลก ก็คือ ท่านนายอำเภอและปลัดอำเภอเล่าให้ฟังว่า ค้างคาวเหล่านี้จะไม่กัดกินพืชผลของชาวบ้านแถวๆ วัดนี้ ตกเย็นก็จะพากันบินออกไปหากินที่อื่น

และจะเกาะกลุ่มกันอยู่ตามต้นไม้ในบริเวณวัดเท่านั้น ไม่เกาะตามต้นไม้ที่อยู่นอกบริเวณวัด

แหล่งทัศนศึกษาที่สำคัญของอำเภอบางคล้า ยังมี
พระสถูปเจดีย์เจดีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่ปากน้ำโจ้โล้

อำเภอบางคล้า ห่างจากสามแยกบายพาสเลี่ยงเมืองฉะเชิงเทราไปทางอำเภอพนมสารคาม (304) 25 ก.ม.

Read more »

วัดโพธิ์บางคล้า มหัศจรรย์ค้างคาวแม่ไก่เฝ้าวัดนับแสน ฉะเชิงเทรา

14(8)

วัดโพธิ์บางคล้า ซึ่งเป็นวัดที่เก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของเมืองแปดริ้ว นอกจากเป็นวัดที่สำคัญและมีหลวงพ่อโตศักดิ์สิทธิ์ แล้ว ในต้นไม้ทั่วบริเวณ วัดแห่งนี้นั้น เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ก็คือ ฝูงค้างคาวแม่ไก่ ตัวใหญ่ จำนวนนับแสนตัว ที่ในเวลากลางวันจะมาเกาะห้อยหัวลงตามกิ่งไม้ อยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่ทั่วบริเวณวัด ถึงยามพลบค่ำก็ออกไปหากินในถิ่นอื่น และมีเรื่องที่แปลกมาก ๆ ก็คือค้างคาวพวกนี้ จะกินผลไม้ในวัดเป็นอาหาร และไม่เคยไปทำความเสียหายให้กับสวนผลไม้ ของชาวบ้านเลย

วัดโพธิ์บางคล้า เดิม ชื่อว่า วัดโพธิ์ มีเนื้อที่ประมาณ 31 ไร่ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในราวปี พ.ศ. 2309 คราวสมัยพระเจ้าตากสินมหาราช คั้งพระเจ้าตากสินนำกองกำลังตีฝ่าวงล้อมกองทัพพม่าจากกรุงศรีอยุธยา และได้สู้รบกับกองกำลังของพม่าครั้งสุดท้ายที่ปากลำน้ำโจ้โล้ หรือตำบลปากน้ำ ในปัจจุบัน(ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 2 กิเมตร) และก่อนที่จะนำทัพไปเมืองจันทบูร(จันทบุรี)ได้มาพักทัพค้างแรมที่ที่วัดโพธิ์แห่งนี้ ถือได้ว่าเป็นดินแดนที่มีความสำคัญ ทางประวัติศาสตร์ของชาติไทยเราอีกแห่งหนึ่ง

Read more »

วัดโพธิ์บางคล้า

อยู่ห่างจากตัวเมืองฉะเชิงเทรา 23 กม. เดินทางไปตามทางหลวงหมายเลข 304 (สายฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี) ประมาณ 17 กม. แยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 3121 ไปอีก 6 กม. เข้าตัวอำเภอบางคล้า ผ่านศาลเจ้าตากสินมหาราชแล้วเลี้ยวซ้ายประมาณ 500 เมตร หรือสามารถเดินทางโดยทางเรือจากตลาดตัวเมืองฉะเชิงเทรา ท่าเรือจะอยู่บริเวณด้านหลังของ ห้างตะวันออกพลาซ่ามาขึ้นที่ท่าน้ำของวัดก็ได้ ที่วัดโพธิ์บางคล้าจะมีค้างคาวแม่ไก่เกาะอยู่ตามต้นไม้ ค้างคาวแม่ไก่เป็นค้างคาวที่มีปีกสีดำ หน้าตาเหมือนสุนัขป่า คือ มีจมูกและใบหูเล็ก ตาใหญ่ ขนสีน้ำตาลแกมแดง ในเวลากลางวันจะเกาะห้อยหัวลงตามกิ่งไม้อยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่ ยามพลบค่ำก็ออกไปหากิน

ประวัติและความเป็นมา
มีเนื้อที่ประมาณ 31 ไร่ ชื่อว่า “วัดโพธิ์” สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในราวปี พ.ศ. 2310-2350 สมัยพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นศิลปะอยุธยากับรัตนโกสินทร์ พระวิหารจตุรมุข ก่ออิฐฉาบปูน หลังคาทรงจั่วมุงกระเบื้องเกล็ดเต่าทำจากดินเผา ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ บริเวณวัดจะเห็นค้างคาวแม่ไก่เกาะอยู่ตามต้นไม้ ค้างคาวแม่ไก่เป็นค้างคาวสายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก หน้าตาเหมือนสุนัขจิ้งจอกคือ มีดวงตาโต จมูกและใบหูเล็ก ขนสีน้ำตาลแกมแดง และมีเล็บที่แหลมคมสามารถเกาะกิ่งไม้ได้ มีปีกสีดำ บินได้เร็วและไกลเหมือนนก กางปีกกว้างประมาณ 3 ฟุต แม่ค้างคาวให้กำเนิดลูกได้ครั้งละ 1 ตัว ในเวลากลางวันจะอยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่เกาะกิ่งไม้ห้อยหัวลงมา ยามพลบค่ำก็จะออกบินไปหากิน อาหารของค้างคาวจะเป็นพวกผลไม้และใบไม้อ่อนเช่น ใบโพธิ์ ใบมะม่วง ใบมะขาม เป็นต้น เคยมีผู้เฝ้าสังเกตการหากินของค้างคาวที่นี่พบว่าค้างคาวบินไปหากินตามเขตชายแดนไทยหรือฝั่งประเทศกัมพูชา หากล่องเรือชมทัศนียภาพตามลำน้ำบางปะกงจะผ่านวัดนี้ นักท่องเที่ยวสามารถแวะขึ้นชมวัดได้จากท่าน้ำของวัด

ขอขอบคุณ http://www.thai-tour.com/

วัดโพธิ์บางคล้า -การเดินทาง

1.ทางรถยนต์ :

จากกรุงเทพฯ สามารถเดินทางได้ 4 เส้นทาง

1. จากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 304 (กรุงเทพฯ – มีนบุรี – ฉะเชิงเทรา) ระยะทาง 75 กิโลเมตร

2. จากกรุงเทพฯไปตามทางหลวงหมายเลข 34 (ถนนสายบางนา – ตราด) จากนั้นเลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 314 (บางปะกง – ฉะเชิงเทรา) ระยะทาง 90 กิโลเมตร

3. จากกรุงเทพฯไปตามทางหลวงหมายเลข 3 (ผ่านสมุทรปราการ – บางปะกง) จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 314 ระยะทาง 100 กิโลเมตร

4. เส้นทางสายมอเตอร์เวย์ ( กรุงเทพฯ – ชลบุรี ) เลี้ยวซ้าย ออก ฉะเชิงเทรา

ซึ่ง 4 เส้นทางข้างต้นต้องผ่านเข้าตัวเมือง ทาง อ.เมือง จ.เชิงเทราก่อน หลังจากนั้น วิ่งเข้าเส้นทาง ทางหลวงหมายเลข 304 มุ่งหน้าสู่ อ.พนมสารคาม เมื่อถึง กม ที่ 17 ให้เลี้ยวซ้าย เข้า อ.บางคล้า .. จากนั้นเมื่อเข้าถึงอำเภอเมืองบางคล้าและถึงบริเวณทางแยกป้อมตำรวจอำเภอบางคล้า ให้เลี้ยวซ้ายและตรงไปอีกประมาณ 200 เมตรก็จะเห็นวัดโพธิ์บางคล้า
Read more »

วัดโพธิ์บางคล้า- จุดน่าสนใจ

pansa55
วัดโพธิ์บางคล้า เป็นวัดที่มีค้างคาวแม่ไก่อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ค้างคาวแม่ไก่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดเดียวที่บินได้ มีลักษณะหน้าตาคล้ายสุนัขจิ้งจอก จมูก ใบหูเล็ก ตาโต ขนสีน้ำตาลแกมแดง ปีกสีดำเป็นพังผืดบาง ๆ ซึ่งอยู่ระหว่างนิ้ว นิ้วของค้างคาวจะยาวเกือบเท่าความยาวของลำตัว มีนิ้วหัวแม่มือสั้นกว่านิ้วอื่น ๆ เล็บหัวแม่มือแหลมคม และโค้งได้อย่างเล็บเหยี่ยวมีไว้สำหรับจับหรือยึดกิ่งไม้ โตเต็มที่เวลากางปีกจะยาวประมาณ 3 ฟุต ออกลูกครั้งละ 1 ตัว เวลานอนจะห้อยหัวลง และจะนอนในเวลากลางวัน พอพลบค่ำจะออกหากินตามป่า ตามสวน อาหารที่ชอบมาก ได้แก่ ลูกและใบอ่อนของต้นไทร ต้นโพธิ์ ต้นนุ่น และผลมะม่วงแก่ ฝรั่งแก่ ฯลฯ โดยกัดเคี้ยวและกลืนเฉพาะน้ำ ส่วนกากจะคายทิ้ง จึงทำให้มีการถ่ายมูลเป็นของเหลว พอรุ่งสว่างจะบินกลับมาที่เดิม โดยอยู่เป็นกลุ่มเฉพาะบริเวณวัดโพธิ์ ไม่ว่าแดดจะร้อนจัด หรือฝนตกก็จะไม่หลบหนีไปไหน

ค้างคาวเหล่านี้อาศัยอยู่ในวัดโพธิ์มาเป็นเวลานานแล้ว ไม่มีผู้บันทึกไว้ชัดเจน ตั้งแต่ในเมื่อสมัยพระครูสุตาลงกตเป็นเจ้าอาวาสระหว่างปี พ.ศ. 2573 – 2509 ซึ่งท่านเป็นพระที่มีเมตตาธรรมต่อสัตว์ทั้งหลาย ทำให้วัดโพธิ์มีค้างคาวนับแสนตัวมาอาศัยเกาะต้นไม้ในบริเวณวัด โดยไม่อพยพไปอยู่ที่ไหน

Read more »

วัดโพธิ์บางคล้า -ประวัติความเป็นมา

สร้างขึ้นในระหว่างปี พ.ศ. 2310 – 2325 สมัยพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นศิลปสมัยรัตนโกสินทร์กับอยุธยา รูปทรงจตุรมุ ก่ออิฐฉาบปูน หลังคาจั่วมุงด้วยกระเบื้องเกร็ดเต่าทำจากดินเผา มีหน้าต่างหนึ่งช่อง มีประตูสองช่องเหนือขอบประตูสองด้าน ประดับด้วยถ้วยชามสังคโลกเรียงกันเป็นรูปทรงกลม หน้าจั่วเป็นพื้นเรียบ กระเบื้องชายหลังคาเชื่อมด้วยปูน ตัววิหารมีกำแพงล้อมรอบพร้อมมุงหลังคา และมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยทำด้วยปูน ประดิษฐานไว้โดยรอบจำนวน 8 องค์ ส่วนภายในวิหารมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ 1 องค์ ต่อมาหลังคมวิหารและกำแพงได้ชำรุดและพังลง

ในปี พ.ศ. 2485 มีผู้ใจบุญได้ซ่อมหลังคาใหม่ โดยมุงด้วยกระเบื้องเกล็ดเต่าเคลือบสี หน้าบันจั่วทิศตะวันตก เป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ประดับด้วยลายเครือเถาหน้าบัน จั่วด้านประตูปั้นเป็นรูปดอกบัว 5 ดอก ประดับแจกัน หลังคาประดับด้วยช่อฟ้ารูปหัวพญานาค มีใบระกา และต่อมาหลังคาและนาคปั้นก็พัง เกิดความชำรุดเสียหายอีก ทางอำเภอบางคล้าได้ร่วมกับประชาชนบริจาคทรัพย์เพื่อช่วยซ่อมแซมขึ้นในปี พ.ศ. 2541 เป็นการอนุรักษ์ของเดิมเอาไว้เพื่อเป็นมรดกของชาติ โดยได้ทำการซ่อมหลังคาโครงสร้างใหม่หมด ตั้งเสาเสริมความเข้มแข็ง 4 ด้าน รวม 8 ด้าน ฉาบผนังภายในโดยก่ออิฐฉาบปูนทุกด้าน เปลี่ยนฝ้าเพดาน เปลี่ยนโคมไฟ ปูพื้นใหม่ด้วยหินอ่อน และปูศิลาแลงโดยรอบวิหารทั้ง 4 ด้าน และทางวัดได้ดำเนินการประดับตกแต่งเครื่องบนตัวนาคและลวดลายหน้าบัน เพื่อทรงคุณค่าทางศิลปกรรมและมรดกทางวัฒนธรรม

Read more »

สถานที่ท่องเที่ยววัดโพธิ์บางคล้า

อยู่ห่างจากตัวเมืองฉะเชิงเทรา 23 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 31 ไร่ ชื่อว่า “วัดโพธิ์” สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในราวปี พ.ศ. 2310-2350 สมัยพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นศิลปะอยุธยากับรัตนโกสินทร์ พระวิหารจตุรมุข ก่ออิฐฉาบปูน หลังคาทรงจั่วมุงกระเบื้องเกล็ดเต่าทำจากดินเผา ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ บริเวณวัดจะเห็นค้างคาวแม่ไก่เกาะอยู่ตามต้นไม้ ค้างคาวแม่ไก่เป็นค้างคาวสายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก หน้าตาเหมือนสุนัขจิ้งจอกคือ มีดวงตาโต จมูกและใบหูเล็ก ขนสีน้ำตาลแกมแดง และมีเล็บที่แหลมคมสามารถเกาะกิ่งไม้ได้ มีปีกสีดำ บินได้เร็วและไกลเหมือนนก กางปีกกว้างประมาณ 3 ฟุต แม่ค้างคาวให้กำเนิดลูกได้ครั้งละ 1 ตัว ในเวลากลางวันจะอยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่เกาะกิ่งไม้ห้อยหัวลงมา ยามพลบค่ำก็จะออกบินไปหากิน อาหารของค้างคาวจะเป็นพวกผลไม้และใบไม้อ่อนเช่น ใบโพธิ์ ใบมะม่วง ใบมะขาม เป็นต้น เคยมีผู้เฝ้าสังเกตการหากินของค้างคาวที่นี่พบว่าค้างคาวบินไปหากินตามเขตชายแดนไทยหรือฝั่งประเทศกัมพูชา หากล่องเรือชมทัศนียภาพตามลำน้ำบางปะกงจะผ่านวัดนี้ นักท่องเที่ยวสามารถแวะขึ้นชมวัดได้จากท่าน้ำของวัด

การเดินทางวัดโพธิ์บางคล้า ไปตามทางหลวงหมายเลข 304 (สายฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี) ประมาณ 17 กิโลเมตร แยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 3121 เข้าตัวอำเภอบางคล้าไปประมาณ 6 กิโลเมตร ผ่านศาลและอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแล้วเลี้ยวซ้ายประมาณ 500 เมตร

ขอขอบคุณ http://www.touronthai.com/

วัดปากน้ำ

pc383

วัดปากน้ำเป็นวัดที่มีพระอุโบสถสีทองอร่ามตาสวยสง่างาม ทั้งภายในและภายนอก เมื่อมาที่วัดนี้นักท่องเที่ยวจะสังเกตเห็นได้ว่า โดยรอบพระอุโบสถนั้นตกแต่งด้วยพระพุทธรูปเป็นจำนวนมาก วักปากน้ำตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง บนถนนปากน้ำ – หัวไทร

Wat Paknam

Wat Paknam is a beautiful golden temple poth outside and inside where a lot of Buddha images were instailed. Tjish temples is situated on Bang Pakong Riversid, Paknam – Huasai road.
โทร./Tel. 0-3854-1804

ขอขอบคุณ http://www.chachoengsao.go.th/

พระอุโบสถสีทองทั้งหลัง วัดปากน้ำโจ้โล้ จ.ฉะเชิงเทรา

ประเทศไทยยังมีอีกหลายเรื่องราวที่เราไม่เคยรู้ ต่อให้ศึกษาหาข้อมูลมากเพียงใด แต่ถ้าไม่ออกเดินทางไปเปิดประสบการณ์ และสัมผัสด้วยตนเอง ก็ไม่มีวันจะเห็นสิ่งมหัศจรรย์เหล่านั้น วันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ พามารู้จักอีกหนึ่งสถานที่ที่สุดในไทย กับความวิจิตรตระการตาของ พระอุโบสถสีทองทั้งหลัง วัดปากน้ำโจ้โล้ จ.ฉะเชิงเทรา

วัดปากน้ำโจ้โล้ ตั้งอยู่ อ. บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ แต่เดิมพื้นที่ที่ตั้ง วัดปากน้ำโจ้โล้ เป็นสำนักสงฆ์ในอดีต ซึ่งในสมัยนั้นบริเวณนี้เป็น ที่ตั้งค่ายของทัพพม่า ซึ่งยกทัพบกทัพเรือไปปะทะกับกองทัพสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ต่อมาสมเด็จพระเจ้าตากสินฯทรงมีชัย จึงโปรดฯ ให้สร้างเจดีย์ไว้เป็นอนุสรณ์ ซึ่งปัจจุบันได้มีการสร้างอุโบสถหลังใหม่เป็นสีทองทั้งหลัง นับเป็น พระอุโบสถสีทองทั้งหลังแห่งเดียวในประเทศไทย

พระอุโบสถสีทองทั้งหลัง แห่งนี้เป็นพระอุโบสถที่สร้างขึ้นมาใหม่อย่างงดงามตระการตา ไม่ได้ทำจากทองหรือปิดทองหลังทั้ง แต่เป็นการทาสีทองทั้งหลัง ไม่ว่าจะเข้าไปสัมผัสความสวยงามภายใน ที่สีทองต้องแสงไฟยิ่งเปล่งประกายสวยงาม ซึ่งพระประธานข้างในโบสถ์ยังสามารถลอดใต้ฐานพระเพื่อความเป็นสิริมงคลได้อีกด้วย ส่วนด้านนอกโบสถ์ ก็จะเห็นได้ถึงความเรืองรองของแสงสีทอง ยามเมื่อแสงแดส่องกระทบตัวโบสถ์ เป็นภาพที่งดงามตระการตาเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ด้านนอกยังมี เรือโบราณ ในสมัยยุค สมเด็จพระจ้าตากสิน ตั้งไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอีกด้วย

Read more »

วัดปากน้ำ

443b5316c41a83fdef5224bd99e36004

วัดปากน้ำโจ้โล้ อยู่ห่างจาก วัดโพธิ์บางคล้า มาทาง ถ.วนะภูติ ประมาณ 3 กม. เดิมที่ที่นี่เคยเป็นสำนักสงฆ์มาก่อน และในอดีตบริเวณตรงนี้เป็นที่ตั้งของค่ายของพม่า ที่ยกทัพมาต่อสู้กับกองทัพสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ต่อมาสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ทรงมีชัย จึงโปรดฯ ให้สร้างเจดีย์ไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ค่ะ
ชื่อวัดที่มีคำว่า โจ้โล้ มีเรื่องเล่ามา 2 แบบ คือ พระเจ้าตากทรงโล้เรือหลอกทัพพม่าว่ามาเพียงไม่กี่คนให้ตายใจ แล้วจึงซุ่มโจมตีจนชนะ ส่วนอีกแบบคือ เป็นชื่อของปลากะพง (มีมากบริเวณแม่น้ำบางปะกงหลังวัด) ที่มาจากภาษาจีนแล้วเพี้ยนเป็น โจ้โล้ นั่นเองค่ะ

โบสถ์สีทอง แห่งเดียวในประเทศไทยหลังนี้ เกิดจาก พระเอกลักษณ์ ปญฺญคโม ซึ่งบวชอยู่ที่วัดนี้ ได้เกิดนิมิตและมีสิ่งดลใจ ทำให้มีความคิดจะบูรณะโบสถ์ของวัดโดยจะสร้างบุษบก เพื่อประดิษฐานพระสารีริกธาตุพร้อมทั้งทาสีทอง เพื่อให้มีความสวยงามสะดุดตากับผู้คนที่ผ่านไปมาค่ะ

ซึ่งสาเหตุที่เป็นสีทองนั้น มาจาก หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ซึ่งเป็นหลวงพ่อที่ พระเอกลักษณ์ ปญฺญคโม ให้ความเคารพเป็นอย่างมาก มีโครงการจะสร้างโบสถ์ทั้งหลังให้เป็นสีทองก่อนที่จะมรณภาพ ทำให้ พระเอกลักษณ์ ปญฺญคโม ตั้งใจให้มีโบสถ์เป็นสีทองตามเจตนารมณ์ของ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ที่ท่านนับถือนั่นเองค่ะ

Read more »

วัดปากน้ำโจ้โล้…โบสถ์สีทองหนึ่งเดียวในประเทศไทย

1-600x400

ฉะเชิงเทรา คือเป้าหมายทริปแรกของปี 2014 เริ่มต้นแรกของปีด้วยการไปสักการะหลวงพ่อโสธร และแก้บนปิดทองตามที่เคยอธิฐานไว้เมื่อตอนกระเป๋าสตางค์หาย สุดท้ายก้อไม่ได้หายไปไหน อยู่ในกระเป๋ากล้องที่บ้านนั่นแหละ แต่เพื่อความสบายใจเลยอยากมาแก้บนตามที่ได้บนบานสานกล่าวไว้
หลังจากกราบไหว้หลวงพ่อโสธร ท่ามกลางผู้คนที่หลั่งไหลกันมาอย่างอภิมหาล้นหลามแล้ว ก็ไปเที่ยวกันต่อที่วัดปากน้ำโจ้โล้ ที่เค้าว่ากันว่ามีโบสถ์สีทองสวยงามมาก เมื่อมาเจอของจริงบอกได้เลยว่า งดงาม วิจิตร และร่มรื่น สบายใจดีมาก

เดิมเป็นสำนักสงฆ์ อยู่ในสมัยอยุธยาตอนปลาย หน้าวัดมีคลองไหลผ่านมารวมกับแม่น้ำบางปะกง สร้างมาประมาณ ๒๐๐ ปี พื้นที่บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของทัพพม่า ซึ่งมีทั้งทัพบก และทัพเรือ ได้ต่อสู้และพ่ายแพ้ทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเจดีย์ขึ้น ณ ที่แห่งนี้เพื่อเป็นอนุสรณ์ เจดีย์นั้นอยู่ที่อนุสรณ์สถานพระสถูปเจดีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แต่ถูกน้ำกัดเซาะพังทลายลงไปหมด ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 กรมศิลปากรจึงได้สร้างขึ้นมาใหม่ในบริเวณเดิม

Read more »

ประวัติ “วัดปากน้ำโจ้โล้” อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา

ในปีพุทธศักราช ๒๓๐๙ หลังจากถูกพม่าข้าศึกเข้าปิดล้อมพระนคร (กรุงศรีอยุธยา) พระยาวชิรปราการ (สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี มหาราช) และเหล่าทหารไทย ได้เข้าต่อสู้กับอริราชศัตรูอย่างเข้มแข็ง แต่ด้วยว่างเว้นจากการศึกสงครามมานาน ทำให้ไพร่พลขาดความพร้อมในการรบ ประกอบกับภาวะปัญหาทางการเมืองเรื้อรัง อันสืบเนื่องมาจากการแย่งชิงอำนาจ และที่สำคัญพม่าได้ปรับเปลี่ยนยุทธวิธี โดยการเข้าตัดกำลังของหัวเมืองต่าง ๆ ส่งผลให้ทัพไทยเกิดความระส่ำ แก้ไขสถานการณ์ และวางแผนการรบผิดพลาดบ่อยครั้ง แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กรุงศรีอยุธยาต้องเสียแก่พม่า ก็เพราะคนไทยขาดความสามัคคี ทรยศต่อชาติแผ่นดิน เป็นไส้ศึกให้ศัตรูเหยียบย่ำ ครั้นพระยาวชิรปราการมองไม่เห็นหนทางรอด จึงตัดสินใจพานักรบไทยจีน ลาว มอญ และ ญวน ตีฝ่าวงล้อมพม่าออกจาก กรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นการหนีไปตั้งหลัก เพื่อรักษาชีวิต และรวบรวมไพร่พลกลับมากอบกู้ชาติแผ่นดินอีกครั้ง

ในวันที่ ๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๓๐๙ (๑๐) ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๔ ค่ำ เดือนยี่ ปีจอ อัฐศก จุลศักราช ๑๑๒๘ เวลาพลบค่ำ พระยาวชิรปราการ ได้รวบรวมไพร่พลราว ๕๐๐ คน พร้อมด้วย หลวงพิชัยอาสา และนายทหารผู้ใหญ่ ได้แก่ พระเชียงเงิน หลวงพรหมเสนา หลวงพิชัยราชา หลวงราชเสน่หา ขุนอภัยภักดี และ หมื่นราชเสน่หา กับขุนหมื่นผู้น้อยอีกจำนวนหนึ่ง ทิ้ง ค่ายวัดพิชัย ตีฝ่าวงล้อมทหารพม่า ในขณะที่ กรุงศรีอยุธยา กำลังประสบชะตากรรมใกล้ถึงกาลล่มจม กองเพลิงไหม้เผาผลาญตั้งแต่ ท่าทราย ริมกำแพงข้างด้านเหนือ ลามมาจนถึง สะพานช้างวงคลองข้าวเปลือก แล้วข้ามมาติด ป่ามะพร้าว ป่าถ่าน ป่าโทน ป่าทอง ป่ายา วัดราชบูรณะ วัดมหาธาตุ ตลอดถนนหลวงไปจนถึง วัดฉัททันต์ ติดกุฎีวิหาร และบ้านเรือนราษฎรมากกว่าหมื่นหลัง ไฟยังไม่ทันมอดพระยาวชิรปราการ ได้พาไพร่พล ๕๐๐ คน ตีฝ่าวงล้อมของพม่าข้าศึกออกจากกรุงศรีอยุธยามุ่งหน้าสู่ทิศตะวันออก ยกกำลังพลผ่าน บ้านหันตรา บ้านข้าวเม่า คลองอุทัย บ้านสัมบัณฑิต บ้านหนองไม้ซุง บ้านพรานนก บ้านหนองปลิง บ้านบางกง (แขวงเมืองนครนายก) บ้านนาเริ่ง (แขวงเมืองนครนายก) บ้านบางคาง บ้านคู้ลำพัน

Read more »

“พระอุโบสถสีทอง” วัดปากน้ำโจ้โล้ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา

wpn-4

“พระอุโบสถสีทอง” วัดปากน้ำโจ้โล้ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา พระอุโบสถสีทองหนึ่งเดียวในประเทศไทย ที่ทาสี ทองทั้งหลัง ไม่ว่าจะเป็น ภาพในหรือหรือนอกตัวอุโบสถ์ ที่งดงามตระการตาเป็น อย่างมาก และภายนอกวัด ก็มี เรือโบราณ ในสมัยก่อนที่อยู่ในยุค สมเด็จพระจ้าตากสิน โชว์ไว้อีด้วย นอกจากนี้ภายในอุโบสถ ยังสามารถลอด ใต้ฐานพระประธานได้เพื่อความเป็นสิริมงคล อีกด้วย แต่เดิม วัดปากน้ำโจ้โล้ เป็นสำนักสงฆ์ ในอดีตบริเวณนี้เป็น ที่ ตั้งของ ทัพพม่า ซึ่งยกทัพบกทัพเรือไปปะทะกับกองทัพสมเด็จพระเจ้าตากสิน ต่อมาสมเด็จ พระเจ้าตากสิน มหาราชทรงมีชัย จึงโปรดฯ ให้สร้างเจดีย์ไว้เป็นอนุสรณ์ ปัจจุบันได้มีการสร้างอุโบสถหลังใหม่เป็นสีทองทั้งหลัง

ขอขอบคุณ https://www.gotoknow.org/

วัดปากน้ำโจ้โล้ จ.ฉะเชิงเทรา

Tem_ple06_resize

หลายคนคงจะได้ไปสักการะองค์หลวงพ่อที่วัดหลายๆแห่งมาแล้ว แต่วันนี้พวกเราอยากจะแนะนำวัดปากน้ำโจ้โล้ ที่จังหวัดฉะเชิงเทราเพราะมีความสวยงามสะดุดตามากๆเลยทีเดียวเพราะตัวโบสถ์จะเป็นสีทองทั้งหลังไม่ว่าจะเป็น ภายในหรือภายนอกตัวอุโบสถ เป็นที่งดงามตระการตาเป็นอย่างมาก และภายนอกวัดก็มี เรือโบราญในสมัยก่อนที่อยู่ในยุคสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินโชว์ไว้ด้วย นอกจากนี้ภายในอุโบสถยังสามารถเดินลอดใต้ฐานองค์พระประทานเพื่อนความเป็นสิริมงคลอีกด้วย แต่เดิมนั้น “วัดปากน้ำโจ้โล้” เป็นสำนักสงฆ์ในอดีตบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของทัพพม่า ซึ่งยกทัพบกทัพเรือไปปะทะกองทัพสมเด็จพระเจ้าตากสินต่อมาสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงมีชัย จึงโปรดฯ ให้สร้างเจดีย์ไว้เป็นอนุสรณ์ ปัจจุบันได้มีการสร้างอุโบสถหลังใหม่เป็นสีทองทั้งหลัง วัดปากน้ำโจ้โล้ ตั้งอยู่ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา จากตลาดน้ำบางคล้า จากนั้นเลี้ยวซ้ายไปทางเดียวกับร้านร่มไม้สายธารจะเห็นโรงเรียน ปากน้ำโจ้โล้ วัดปากน้ำโจ้โล้จะอยู่ฝั่งตรงข้าม หากเพื่อนๆชาวเมืองไทย.คอม คนไหนอยากจะไปชมความเห็นตระการตาด้วยตัวเองก็ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากค่ะ การเดินทางสะดวก

ขอขอบคุณ http://www.muangthai.com/

. . . . . . .
. . . . . . .