Archive for the ‘วัดในเชียงใหม่’ Category

วัดอุโมงค์มหาเถรจันทร์ (วัดโพธิ์น้อย)

วัดอุโมงค์มหาเถรจันทร์ (วัดโพธิ์น้อย) ชาวบ้านเรียกว่า วัดอุโมงค์เถรจันทร์ เดิมชื่อว่า “วัดโพธิ์น้อย” ตั้งอยู่ภายในเขตด้านในกำแพงเมืองเชียงใหม่ เลขที่ 129 ถ.ราชภาคินัย ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่

วัดนี้ก่อตั้งเมื่อประมาณ ปี พ.ศ.1839-1840 สร้างโดยพระมหากษัตริย์ทั้งสามพระองค์ คือ พญามังราย หรือพระเจ้าเม็งราย ผู้ปกครองเมืองเชียงราย พญางำเมือง ผู้ปกครองเมืองพะเยา และพ่อขุนรามคำแหงมหาราช โดยอ้างหลักฐานจาก “คัมภีร์ธรรมปัญหาเถรจันทศรมณ์” กล่าวคือเมื่อครั้งที่สร้างเมืองเชียงใหม่ เมื่อกษัตริย์ทั้งสามได้วางผังเมืองเรียบร้อยแล้ว จึงได้จัดสร้าง “วัดโพธิ์น้อย” ขึ้นเป็นวัดแรกของเชียงใหม่ และได้สร้างไว้ที่ในจุดกลางเมือง

อุโบสถสร้างเมื่อประมาณปี พ.ศ. 1839-1840 เป็นลักษณะทรงไทยแบบล้านนา ก่อด้วยอิฐถือปูนขาว เสาและโครงหลังคาเป็นไม้สักทั้งหลัง ของเดิมมุงด้วยกระเบื้องดินเผา ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นกระเบื้องเคลือบ วิหารสร้างเมื่อปี พ.ศ.1910-1914 มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมเป็นแบบล้านนาเช่นกัน

Read more »

วัดอุโมงค์

วัดอุโมงค์ ตั้ง อยู่ที่ถนนสุเทพ อำเภอเมือง หากไปจากตลาดต้นพยอม วิ่งผ่านสี่แยกคลองชลประทานด้านหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ประมาณ 500 เมตร เข้าซอยทางด้านซ้ายมือไปประมาณ 2 กิโลเมตร

วัดอุโมงค์สร้างขึ้นในสมัยพญามังรายราวปี พ.ศ. 1839 เพื่อให้ฝ่ายอรัญวาสีจำพรรษา ต่อมาพญากือนา ทรงสร้างอุโมงค์ขึ้นเพื่อให้พระมหาเถระจันทร์ใช้เป็นที่วิปัสสนากรรมฐาน อุโมงค์นี้มีลักษณะเป็นกำแพงภายในเป็นทางเดินหลายช่องทะลุกันได้ ภายในอุโมงค์เคยมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง สันนิษฐานว่าวาดในระหว่าง พ.ศ.1900-2000 แต่เดิมคงเป็นภาพจิตรกรรมเต็มบริเวณของทุกห้อง ส่วนใหญ่เป็นภาพดอกบัว ดอกโบตั๋น และ นกต่างๆ เช่น นกยูง นกกระสา นกแก้ว และนกเป็ดน้ำ

Read more »

วัดอุโมงค์มหาเถรจันทร์ จ.เชียงใหม่

wat-umongmahatherachan1

หรือ วัดโพธิ์น้อย ตั้งอยู่ใกล้กับ วัดดวงดี คัมภีร์ธรรมปัญหาเถรจันทศรมณ์ ได้กล่าวว่า สร้างขึ้นในรัชสมัย พญามังราย ในราวปี พ.ศ. 1839-1840 เมื่อครั้งสถาปนาเมืองเชียงใหม่ขึ้นเป็นราชธานี

ต่อมาในรัชสมัยพระเจ้ากือนา โปรดฯให้บูรณะศาสนสถาน เมื่อปี พ.ศ.1918 และทรงพระราชทานนามว่า วัดอุโมงค์มหาเถรจันทร์ ตามนามของพระมหาเถรจันทร์เจ้าอาวาสวัด ซึ่งเป็นพระเถรผู้ใหญ่ที่พระองค์ทรงให้ความเคารพนับถือ

เมื่อครั้งบูรณะวัดในคราวปัจจุบัน ได้พบซากอุโมงค์สำหรับเดินจงกรม อยู่ภายในวัดอีกด้วย?

วัดอุโมงค์มหาเถรจันทร์ ตั้งอยู่ที่ ถ.ราชภาคินัย ต.ศรีภูมิ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่

Read more »

วัดอุโมงค์

วัดอุโมงค์ ตั้งอยู่ที่ถนนสุเทพ อำเภอเมือง หากไปจากตลาดต้นพยอม วิ่งผ่านสี่แยกคลองชลประทานด้านหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ประมาณ 500 เมตร เข้าซอยทางด้านซ้ายมือไปประมาณ 2 กิโลเมตร

วัดอุโมงค์สร้างขึ้นใน สมัยพญามังรายราวปี พ.ศ. 1839 เพื่อให้ฝ่ายอรัญวาสีจำพรรษา ต่อมาพญากือนา ทรงสร้างอุโมงค์ขึ้นเพื่อให้พระมหาเถระจันทร์ใช้เป็นที่วิปัสสนากรรมฐาน อุโมงค์นี้มีลักษณะเป็นกำแพงภายในเป็นทางเดินหลายช่องทะลุกันได้ ภายในอุโมงค์เคยมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง สันนิษฐานว่าวาดในระหว่าง พ.ศ.1900-2000 แต่เดิมคงเป็นภาพจิตรกรรมเต็มบริเวณของทุกห้อง ส่วนใหญ่เป็นภาพดอกบัว ดอกโบตั๋น และ นกต่างๆ เช่น นกยูง นกกระสา นกแก้ว และนกเป็ดน้ำ

Read more »

วัดอุโมงค์ เชียงใหม่…เที่ยวชมโบราณสถานเก่าแก่ที่มีความสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่

wat-umong29

วัดอุโมงค์ เชียงใหม่…เที่ยวชมโบราณสถานเก่าแก่ที่มีความสำคัญของจังหวัดเชียงใหม่
มาจังหวัดเชียงใหม่อยู่หลายครั้งครับ ไม่เคยมาที่วัดอุโมงค์ เชียงใหม่สักที คราวนี้ไม่มีพลาด ได้โอกาสมาไหว้พระ และชมความงามของวัดอุโมงค์ เชียงใหม่กัน ผมเดินทางมาที่วัดอุโมงค์ หลังจากที่ได้ไปไหว้พระที่วัดลอยเคราะห์ จากวัดลอยเคราะห์นั่งรถสองแถวแดง

วัดอุโมงค์ เชียงใหม่ อยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ หลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ครับ จริงๆ วัดอุโมงค์มีทางเข้าวัดหลายด้านนะครับ ถ้าให้สะดวกก็ไปทางหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ครับสะดวกสุด ไม่หลงแน่นอน ส่วนใครที่ไม่ได้ไปรถยนตร์ส่วนตัว ก็เรียกใช้บริการรถสองแถวแดงครับ

วัดอุโมงค์ เชียงใหม่
ทางเข้าหน้าวัดอุโมงค์ เชียงใหม่ครับ เมื่อเข้าไปแล้วก็จะพบกับศูนย์หนังสือพระพุทธศาสนาวัดอุโมงค์ เชียงใหม่เลยครับ ใครสนใจซื้อหนังสือเกี่ยวกับธรรมะดีๆ ก็เข้ามาที่นี่เลย หรือจะแวะก่อนกลับบ้านก็ได้ครับ บริเวณด้านหน้าแถวนี้ก็เป็นที่จอดรถ เพื่อนๆ สามารถจอดรถได้แถวนี้เลยครับ

Read more »

วัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม)

วัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองเชียงใหม่ และตั้งอยู่บริเวณเชิงดอยสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรืออยู่ในซอยหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ประวัติ
เหตุการณ์ล่วงผ่านไปอดีต เมื่อปี พ.ศ. 1839 พระยามังรายทรงสร้างอาณาจักรล้านนาร่วมกับพระสหาย คือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช กษัตริย์ปกครองสุโขทัย และพระเจ้างำเมือง กษัตริย์ปกครองพะเยา มาสร้างเมืองเวียงเหล็ก (บริเวณวัดเชียงมั่นในปัจจุบัน) และตั้งชื่อเมืองว่า “นพบุรี ศรีนครพิงค์” ท่านมีความใฝ่ในศาสนาพุทธ จึงทรงทำนุบำรุง ส่งเสริมศาสนาให้รุ่งเรืองในล้านนา ในขณะนั้น ทางฝ่ายพระเจ้ารามคำแหงมหาราชได้ส่งคนนิมนต์พระสงฆ์จากลังกามาอาศัยอยู่ใน จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อที่พระสงฆ์ได้เผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุโขทัย เมื่อพระยามังรายทราบข่าวดังกล่าว จึงส่งคนไปนิมนต์พระลังกาจากพระเจ้ารามคำแหง 5 รูป โดยมีพระกัสสปะเถระเป็นหัวหน้าคณะสงฆ์นี้ โดยจำพรรษาที่วัดการโถม ต่อมาพระยามังรายสร้างวัดเวฬุกัฏฐาราม (ปัจจุบัน คือ วัดอุโมงค์) เมื่อสร้างเสร็จจึงอาราธนาพระมหากัสสปะเถระจำพรรษาที่วัดแห่งนี้

Read more »

วัดอุโมงค์–สถานที่สำคัญในวัด เสาหินอโศก

j004

เสาหินอโศกจำลองจริง ๆ แล้วอยู่ที่ประเทศอินเดีย สาเหตุที่ได้ชื่อว่าเสาหินอโศกก็เพราะว่า พระเจ้าอโศกมหาราชผู้ครองอาณาจักรอันกว้างใหญ่ในสมัยของพระองค์เป็นผู้สร้างขึ้นมา มีอยู่ทั้งหมด 48 ต้น แต่ละต้นก็จะจารึกหลักธรรมคำสอนของพระองค์แก่อาณาประชาราษฎร์ ชมพูทวีปในครั้งนั้นจึงถือว่าเป็นแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง เพราะมีมหากษัตริย์ทรงทศพิศราชธรรม

เสาหินอโศกจำลองที่เห็นอยู่ในรูปภาพนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของพระพุทธศาสนาในอดีต และทำให้เราได้รำลึกถึงพระราชเกียรติของพระเจ้าอโศกมหาราช จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ด้วย

ขอขอบคุณ http://www.watumong.org/

 

ประวัติวัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม)

วัดดอุโมงค์ และสวนพุทธธรรม สองชื่อนี้เป็นชื่อที่ใช้เรียกสถานที่ส่งเสริมการปฏิบัติธรรม ของพุทธนิคม เชียงใหม่แห่งเดียวกัน แต่มีความหมายต่างกัน
วัดอุโมงค์(อุโมงค์เถรจันทร์) เป็นชื่อเรียกวัดเก่าที่ “พระเจ้ากือนาธรรมิกราช” ทรงสร้างอุโมงค์ขึ้นเพื่อถวายเพื่อให้พระมหาเถรจันทร์ ผู้เชี่ยวชาญในพระไตรปิฏกอาศัย
วัดอุโมงค์นี้หมายเอาเฉพาะบริเวณพื้นที่สามเหลี่ยมผืนผ้าซึ่งมีกำแพงอิฐปรากฏอยู่ทั้งสี่ด้าน ด้านตะวันออกจากขอบสระใหญ่ ด้านเหนือตรงไปทางทิศเหนือโรงพิมพ์ปัจจุบันจรด กำแพงอิฐพอดี ยาวประมาณ 100 วา ด้านเหนือจากแนวกำแพงเหนือโรงพิมพ์ปัจจุบันทางทิศตะวันตก จนถึงขอบสระหลังวัดอุโมงค์ ยาวประมาณ 100 วา, ด้านตะวันตกจากขอบ สระแนวกำแพงด้านเหนือ ถึงขอบสระใหญ่ใต้พระเจดีย์ ยาวประมาณ 100 วา, ด้านใต้จากขอบสระหลังพระเจดีย์ตรงไปทางตะวันตกออกจรดกำแพงทิศตะวันออกหน้าพระอุโบสถ ยาวประมาณ 100 วา มีพระอุโบสถขนาดย่อมตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ มีพระเจดีย์ใหญ่แบบลังกาวงศ์ และอุโมงค์(ถ้ำ) 1 อุโมงค์ มีทางเข้า 3 ทาง ตั้งอยู่ตลอดแนววัดด้านตะวันตก และมีศาลาตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือจากหน้าอุโมงค์ไปประมาณ 1 เส้น คิดเป็นเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 25 ไร่
สวนพุทธธรรม เป็นชื่อใหม่ที่ ภิกขุ ปัญญานันทะ ประธานวัดอุโมงค์ ในสมัยนั้น (2492-2509) ตั้งขึ้นเรียกสถานที่ป่าผืนใหญ่ที่ปกคลุมวัดร้างโบราณ ซึ่งมีทั้งหมดประมาณ 150 ไร่ ที่พุทธนิคมเชียงใหม่จัดขึ้นเป็นที่อยู่ของภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ผู้แสวงหาความสงบ พื้นที่ซึ่งเรียกว่า สวนพุทธธรรมนี้กว้างมาก รวมเอาวัดไผ่11กอ (เวฬุกัฏฐาราม ซึ่งพระเจ้ามังรายมหาราชทรงสร้างไว้ถวายเป็นที่พำนักของพระมหากัสสปะเถระ ชาวลังกา ซึ่งเข้ามาเผยแพร่ศาสนาในสมัยนั้น) วัดอุโมงค์เถรจันทร์ และวัดอื่นๆ (ที่อยู่ใกล้วัดอุโมงค์ทั้ง 4 ด้าน) อีก 4 วัดเอาไว้ด้วยทั้งหมด
ประวัติวัดอุโมงค์(สวนพุทธธรรม) มีหลักฐานทางตำนานไม่สู้จะละเอียดนัก ต้องอาศัยหลักการทางโบราณคดี และประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่เข้าช่วยจึงได้ความชัดขึ้น แต่ถึงกระนั้นก็ไม่สู้จะมั่นใจว่าประวัติที่นำมาเสนอท่านนี้จะถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะบริเวณที่ถูกเรียกว่า สวนพุทธธรรม นี้มีวัดอยู่หลายวัด สร้างเก่าบ้างใหม่บ้างสับสน ซับซ้อนยิ่งวัดเหล่านี้เป็นวัดกษัตริย์ราชวงศ์มังราย(นับจากพระเจ้ามังรายเป็นต้นมา) ทรงสร้างสืบๆ ต่อกันมาเป็นระยะเวลาเกือบ 700 ปีด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้สันนิษฐานยากขึ้นไปอีก แต่ถึงแม้การศึกษายากเพียงไร หลักฐานที่ค้นได้ และนำมาประกอบการเขียนเรื่องนี้ ทำให้มั่นใจว่าจะทำให้ท่านเข้าใจประวัติวัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม) ได้ใกล้เคียงความจริงมากที่สุด
Read more »

วัดสวนดอก จ.เชียงใหม่

wat-suan-dok1

วัดสวนดอก หรือ วัดบุพผาราม ตั้งอยู่ถนนสุเทพ อำเภอเมือง วัดนี้พระเจ้ากือนาทรงสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.1914 (ศักราชนี้ถือตาม หนังสือชินกาลมาลีปกรณ์ ของพระรัตนปัญญาเกตุ) เพื่อให้เป็นที่จำพรรษาของพระมหาเถระสุมน ผู้ประดิษฐาน พระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ ในแผ่นดินลานนาไทย วัดนี้แต่เดิมเป็นพระราชอุทยานของกษัตริย์ลานนาไทย สมัยแรกเริ่ม มีสถาปัตยกรรมสำคัญ คือ เจดีย์ประธานเป็นเจดีย์ทรงกลม กู่บรรจุอัฐิเจ้าตระกูล ณ เชียงใหม่และวิหารโถง นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าเก้าตื้อ ซึ่งพญาเมืองแก้วโปรดให้หล่อขึ้นเป็นพระพุทธรูปสำริดขนาดใหญ่ ศิลปะล้านนาผสมกับศิลปะสุโขทัย

วัดสวนดอกได้พัฒนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองในทุกๆ ด้าน รัฐบาลได้เห็นความสำคัญจึงส่งเสริม สนับ สนุน และยกย่องชมเชย พร้อมกับยกเป็นวัดพัฒนาตัวอย่างเมื่อ พ.ศ. 2509 เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ.2533วัดสวนดอกได้รับการสถาปนาเป็นพระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ

Read more »

วัดสวนดอก สักการะพระเจ้าเก้าตื้อเพื่อความเป็นศิริมงคลกันที่ จ.เชียงใหม่

watsuandok-01

ทริปนี้เราพาเพื่อนๆ มาเที่ยววัดสวนดอกที่อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ เป็นวัดที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเยือนจังหวัดเชียงใหม่จะต้องมาที่วัดแห่งนี้ วัดสวนดอกแห่งนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อว่าวัดบุปผาราม คำว่าบุปผารามเป็นภาษาบาลีเมื่อแปลเป็นภาษาไทยจะหมายถึงสวนดอกไม้ ชาวบ้านเลยนิยมเรียกวัดแห่งนี้ว่าสวนดอก วัดแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้ากือนาธรรมิกราช กษัตริย์ลำดับที่ 6 แห่งราชวงศ์มังรายของอาณาจักรล้านนา

ภายในวัดสวนดอกมีพื้นที่กว้างขวาง มีปูชนียสถานที่สำคัญทรงคุณค่าอยู่มากมาย เช่น พระเจดีย์องค์ใหญ่ทรงลังกาที่ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่และหุ้มแผ่นทองคำจังโกมีความสูงถึง 24 วา แต่เดิมเป็นเจดีย์ทรงสุโขทัยหรือทรงพุ่มข้าวบินซึ่งได้ปรักหักพังลงมา ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว ผู้คนที่มาเที่ยววัดสวนดอกก็จะต้องมากราบพระเจดีย์ใหญ่องค์นี้

บริเวณต่อมาคือกู่บรรจุอัฐิของเจ้าดารารัศมี เจ้านายฝายเหนือในราชตระกูล ณ เชียงใหม่ พระชายาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 รวมถึงกู่บรรจุอัฐิของเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่และเจ้านายฝ่ายเหนือองค์อื่นๆ อยู่มากมาย นอกจากนี้ยังมีเจดีย์อนุสาวรีย์บรรจุอํฐิของครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาอยู่ด้วย

Read more »

100 ปีกู่วัดสวนดอก

12321_full

พอดีวันนี้ไปวัดสวนดอกมา เลยไปเก็บภาพกู่ ที่วัดมาพร้อมประวัติ ซึ่งปีนี้กู่วัดสวนดอกจะมีอายุครบ 100 ปีพอดี คำว่ากู่ ตามสารานุกรมวัฒนธรมไทยภาคเหนือ ฉบับปี พ.ศ.2530 ไดให้ความหายไว้ว่า กู่ คือ ที่บรรจุอัฐิของบุคคลล่วงลับไปแล้ว และ พจนานุกรมฉบับเฉลิมพระเกียรติ์พ.ศ.2530 ได้ให้ความหมายของกู่ไว้ 3 อย่างครับคือ
1.หมายถึงวัด
2.หมายถึง เจดีย์ อันเป็นสิ่งซึ่งก่อเป็นรูปลอมฟาง มียอดแหลม บรรจุสิ่งที่นับถือ หรือ บุคคลที่เคารพยับถือ
3.หมายถึง สิ่งก่อสร้างที่คล้ายเจดีย์บรจุอัฐิธาตุของบุคคลผู้ล่วงลับ โดยมีขนาดและศิลปกรรม หลากหลายแตกต่างกันไปตามสมัยนิยม
สำหรับ กู่ วัดสวนดอก นี้เป็นที่บรรจุอัฐิ พระ อัฐิของเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ และ เชื้อสาย เดิมเคยตั้งอยุ่บริเวณ ข่วงเมรุ ซึ่งเป็นสนามโล่ง ไว้ใช้เผาศพ ของเจ้าผู้คตรองนครเชียงหใ ถ้าเทียบกับ รกุงเทพ ก็คือ ทุ่งพระเมรุ หรือ สนามหลวงในปัจจุบัน และ เมื่อเผาแล้ว ก็จะสร้างกู่ หรือ ที่เก็บกระดูกขึ้นในบริเวณนั้น ซึ่งเจ้าองค์สุดท้ายที่มีการสร้างเมรขึ้น คือ พระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 7 และเป็นบิดา ของ พระราชายาเจ้าดารารัศมี หลังจากงานของพระเจ้าอินทวิชยานนท์แล้ว บริเวณนั้นไดเริ่มมีการสร้างบย้านเรือนขึ้น โดยบางส่วนนั้นไดมีการบุกรุกเข้าไปในบริเวณข่วงเมรุ เจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 9 Read more »

วัดสวนดอกเชียงใหม่ บูรณะวิหารหลวงอายุ80ปี

พระศรีสิทธิเมธี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า พระวิหารหลวงของวัดสวนดอก เป็นพระวิหารหลวงหลังใหญ่ที่สุดของภาคเหนือ สร้างมาตั้งแต่ปี 2474 โดยครูบาศรีวิชัย สิริวิชโย นักบุญแห่งล้านนาไทยร่วมกับคณะสงฆ์ และศรัทธาประชาชนในสมัยนั้น ผ่านมากว่า 80 ปี สภาพของพระวิหารหลวงได้ชำรุด โดยวัดสวนดอกได้ขออนุญาตจากกรมศิลปากรเพื่อบูรณะเป็นครั้งคราวเรื่อยมา แต่ปัจจุบันสภาพพระวิหารหลวง รวมทั้งพระเจดีย์ที่อยู่ด้านหลังชำรุดทรุดโทรมเป็นอันมาก จึงได้แจ้งเรื่องการชำรุดนี้ไปยังสำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ เพื่อตรวจสอบและบูรณะ ต่อมาสำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและดำเนินการของบประมาณปี 2555 เพื่อบูรณะพระวิหารหลวง และเจดีย์ดังกล่าว โดยได้รับอนุมัติงบประมาณจำนวนทั้งสิ้น 20,980,000 บาท ภายใต้โครงการช่วยเหลือฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ด้านโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ดังนั้น ทางวัดจึงจัดพิธีปฐมฤกษ์ เพื่อบูรณะพระวิหารหลวง และพระเจดีย์ โดยเริ่มต้นจากการเปลี่ยนหลังคาพระวิหาร เนื่องจากกระเบื้องหลังคาบางแผ่นแตกเสียหาย ต่อด้วยการบูรณะพื้น ที่เสียหายเนื่องจากความชื้นที่เกิดจากฝน จากนั้น บูรณะเสาวิหาร รวม 56 ต้น ซึ่งจะมีการปิดกระจกและปิดทองทั้งหมด
ขอขอบคุณ http://www.khaosod.co.th/

กู่เจ้านายฝ่ายเหนือ–วัดสวนดอก

wat-suandok-06

กู่เจ้านายฝ่ายเหนือ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2450 โดยพระดำริใน พระราชชายา เจ้าดารารัศมี ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้านายฝ่ายเหนือในราชตระกูล ณ เชียงใหม่ ซึ่งทรงเห็นว่าทำเลที่ตั้งของวัดสวนดอกกว้างขวาง จึงโปรดให้อัญเชิญรวบรวมพระอัฐิของ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ และพระประยูรญาติ มาประดิษฐานรวมกัน ณ ที่นี่ รวมทั้งได้ประทานทรัพย์ให้การทำนุบำรุงมาโดยตลอดพระชนม์ชีพ หลังจากพระราชชายา เจ้าดารารัศมี สิ้นพระชนม์ ได้มีการแบ่งพระอัฐิของพระองค์มาประดิษฐานไว้ ณ กู่เจ้านายฝ่ายเหนือ แห่งนี้ (อีกส่วนหนึ่งแบ่งประดิษฐานไว้ใน สุสานหลวง วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร)

ขอขอบคุณ http://www.teeteawthai.com/

พระเจ้าเก้าตื้อ–วัดสวนดอก

wat-suandok-05

พระเจ้าเก้าตื้อ เป็นพระพุทธรูปหล่อองค์ใหญ่ ศิลปะแบบเชียงแสนฝีมือช่างล้านนาและสุโขทัย ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพระพุทธลักษณะงดงามที่สุดในล้านน หน้าตักกว้าง 3 เมตร สูง 4.70 เมตร สร้างด้วยโลหะหนัก 9 ตื้อ (“ตื้อ” เป็นคำในภาษาไทยเหนือ แปลว่า หนักพันชั่ง, 1 ตื้อ = 1,400 กิโลกรัม) พระญาเมืองแก้ว กษัตริย์แห่งราชวงศ์เม็งราย โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2047 เพื่อเป็นพระองค์ประธานในวัดพระสิงห์ แต่เนื่องมีน้ำหนักมากไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ จึงได้ประดิษฐานเป็นองค์พระประธานในพระอุโบสถวัดสวนดอก
ขอขอบคุณ http://www.teeteawthai.com/

พระพุทธปฏิมาค่าคิง–วัดสวนดอก

wat-suandok-04

พระพุทธปฏิมาค่าคิง เป็นพระประธานในพระวิหารหลวง สร้างในสมัยพระเจ้ากือนาธรรมิกราช พ.ศ. 1916 หล่อด้วยทองสำริด ขนาดเท่าพระวรกายของพระเจ้ากือนาขณะประทับยืน หน้าตักกว้าง 2 เมตร สูง 2.5 เมตร เรียกชื่อตามภาษาถิ่นล้านนาว่า “พระเจ้าค่าคิง”
ขอขอบคุณ http://www.teeteawthai.com/

. . . . . . .
. . . . . . .