เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี อยู่ตรงข้ามกับวัดไพชยนต์พลเสพ ผู้สร้างวัดนี้คือพระยาเพ็ชรพิไชย (เกตุ) ผู้เป็นต้นสกุล “เกตุทัต” ซึ่งเป็นบุตรของพระยาเพชรพิไชย (หง) ผู้เป็นต้นสกุล “หงสกุล” สร้างเมื่อปีมะเมีย พ.ศ. 2365 ชาวบ้านเรียกชื่อวัดนี้ว่า “วัดปากคลอง” เพราะอยู่ใกล้กับปากคลองลัดหลวง
วัดนี้จะได้รับพระราชทานชื่อว่าอะไร เมื่อไร ไม่มีหลักฐานยืนยัน นอกจากจะสันนิษฐานว่าคงจะเป็นสมัยรัชกาลที่ ๓ เพราะสร้างวัดในสมัยนั้นเป็นพระราชนิยมอย่างยิ่ง จนมีคำกล่าวว่า “พระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ ๑ ทรงโปรดคนเป็นนักรบ รัชกาลที่ ๒ ทรงโปรดคนเป็นกวี รัชกาลที่ ๓ ทรงโปรดคนสร้างวัด” สมัยนั้นจึงมีคนนิยมสร้างวัดกันเป็นจำนวนมาก วัดใดที่สร้างอยู่ในเกณฑ์ก็ทรงรับไว้เป็นพระอารามหลวง วัดโปรดเกศฯ ก็คงได้เป็นพระอารามหลวงในยุคนั้น ส่วนชื่อวัดคงยังหาหลักฐานไม่ได้ว่าได้รับพระราชทานเมื่อไร ชื่อวัดจึงมีการเขียนขึ้นหลายแบบ เช่น วัดโปรดเกตุเชษฐาราม
เรื่องการเขียนขื่อวัดนี้ คงจะเขียนขึ้นตามความเข้าใจโดยยึดความหมายที่ว่า ผู้สร้างวัดนี้เป็นพระพี่เลี้ยง คำว่า “เชฏฐ” เป็นชื่อของเดือน ๗ ตามจันทรคติและยังแปลว่า “พี่” หรือ “ผู้เจริญที่สุด” ตามภาษาบาลี ภาษาไทยเขียนว่า “เชษฐ” หรือ “เชษฐา”
ในการก่อสร้างวัดโปรดเกศฯ ครั้งแรกปรากฏว่ามีเพียงพระอุโบสถ พระวิหารการเปรียญ พระเจดีย์ใหญ่ 2 องค์ และหอระฆัง และเสนาสนะ ที่อยู่ของสงฆ์อีก 2 คณะ ภายในบริเวณพระอุโบสถและพระวิหารปูด้วยกระเบื้องหน้าวัว ในบริเวณระหว่างพระอุโบสถกับพระวิหารก็ปูด้วยกระเบื้องหน้าวัวทั้งสิ้น มีแท่นสำหรับนั่งเล่นสองแท่น ก่ออิฐถือปูน พื้นปูด้วยหินอ่อน ส่วนมณฑปนั้นทราบว่ายังสร้างไม่เสร็จ และคงจะสำเร็จในยุคต่อมา
ในสมัยนี้วัดเป็นที่นิยมในการศึกษาหาความรู้ของชาวบ้านและเป็นหลายๆ อย่างที่ชาวบ้านต้องการ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล ศาลสถิตยุติธรรม วัดโปรดเกศฯ ก็มีพร้อมทุกประการ พระสงฆ์มีหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านในเรื่องต่างๆ กัน เช่น พระต้องเป็นหมดรักษาทางใจ คือสอนธรรมะ รักษาโรคทางกาย คือหมอยาแผนโบราณ นอกจากนี้ยังเป็นหมอดูรักษาศรัทธาและความสบายใจแก่ชาวบ้านเช่น เป็นผู้ให้ฤกษ์ยาม เป็นผู้พิพากษาคดีเล็กๆ น้อยๆ เป็นต้น
ในสมัยพระปัญญาพิศาลเถร (สุก) เป็นเจ้าอาวาส พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชทรัพย์ให้พระยาเพชรพิไชย (เกตุ) มาสร้างกุฏิอีกคณะหนึ่งแถบริมคลองลัดหลวง และได้สร้างหอสวดมนต์ 1 หลัง หอฉัน 1 หลัง กับกุฏิอีก 7 หลัง สร้างแบบฝากระดานไม้สัก มุงด้วยกระเบื้องไทยทั้งสิ้น
ในสมัยพระครูวินยาบูรณาจารย์ (คำ) เป็นเจ้าอาวาส พระยาเพชรพิไชย (หนู) บุตรพระยาเพชรพิไชย (เกตุ) ได้สร้างและปฏิสังขรณ์ผนังพระอุโบสถหลังใหม่และเขียนลายเพดาน เพราะเดิมไม่ได้เขียนไว้ กับได้ปฏิสังขรณ์พระพุทธไสยาสน์ในพระวิหาร สร้างเขื่อนรอบสระพระมณฑป เพราะของเดิมสร้างไว้เป็นเขื่อนไม้ และยังได้ปฏิสังขรณ์อย่างอื่นอีกมากมายทั่วทั้งพระอาราม
มรดกทางวัฒนธรรมที่ปรากฏคือ
1. พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 2 ศอก 1 นิ้ว สูงตลอดพระรัศมี 2 ศอก 1 คืบ 1 นิ้ว ไม่ปรากฏนามผู้สร้าง
2. พระพุทธไสยาสน์ ประดิษฐานอยู่ในพระวิหาร ยาวตลอดจากพระรัศมีถึงพระบาท 6 วา 2 ศอก
3. พระประธานในมณฑป เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร เข้าใจว่าทำด้วยศิลาแลง
4. พระพุทธรูปปางนาคปรก ปางป่าเลไลก์ ในเก๋งจีนรอบๆ มณฑป เป็นพระพุทธรูปที่สร้างด้วยศิลาแลง
5. พระพุทธบาทจำลอง สร้างด้วยศิลาแลง ฐานรอบนอกประดับด้วยหินอ่อน กลีบบัวสลักด้วยศิลาแลงลงรักปิดทองลวดลายภายใน พระพุทธบาทประดับด้วยมุก เป็นรูปพรหมและรูปต่างๆ ประดิษฐานอยู่ในมณฑป
6. พระศรีอาริย์โพธิสัตว์ หน้าตักกว้าง 1 ศอก 9 นิ้ว สูง 1 ศอกคืบ 1 นิ้ว หล่อด้วยโลหะ
7. พระฤๅษีสลักด้วยศิลาเขียว
8. ภาพเขียนสีน้ำมันเป็นภาพวิวต่างๆ ประดับอยู่ในภายในอุโบสถและวิหาร
9. หน้าบันพระอุโบสถและพระวิหารประดับด้วยเครื่องลายเบญจรงค์
10. มณฑปกลางน้ำ
มีลักษณะสถาปัตยกรรมดีเด่น คือ พระอุโบสถไม่มีช่อฟ้าใบระกา หน้าบันมีศิลปะปูนปั้นลายเครือเถาประดับเครื่องลายคราม ภายในมีพระประธานหล่อด้วยโลหะ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย พระวิหารมีลักษณะสถาปัตยกรรมเช่นเดียวกับพระอุโบสถ ภายในมีพระพุทธไสยาสน์พระพักตร์งามมาก นอกจากนี้ยังมีพระมณฑปหลังคามุงด้วยกระเบื้องรายรอบด้วยเก๋งจีน ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ มีพระปรางค์ที่มุมทั้ง 4 ด้าน ภายในพระมณฑปมีพระพุทธรูปและรอยพระพุทธบาทจำลองประดับมุข
ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่ โทร 0 2462 5484, 0 2463 2549
การเดินทางจากวัดไพชยนต์ฯ เลี้ยวขวาไปตามถนนทรงธรรมประมาณ 200 เมตร ข้ามสะพานคลองลัดหลวงประมาณ 50 เมตร จะพบวัดโปรดเกศเชษฐารามอยู่ริมถนนบริเวณทางโค้งด้านซ้ายมือ
ถ้ามาทางถนนสุขสวัสดิ์เลี้ยวเข้าพระประแดงด้วยถนนนครเขื่อนขันธ์ ข้ามสะพานข้ามคลองแล้วกลับรถจะมีทางลอดใต้สะพานตรงไปยังวัดโปรดเกศฯ หรือทางที่สะดวกกว่าคือไปเลี้ยวซ้ายเข้าซอยลัดตะนง เลี้ยวซ้ายถนนทรงธรรมแล้วขับไปตามทางเรื่อยๆ จะไปบรรจบกับทางแรกได้
ขอขอบคุณ http://www.touronthai.com/