พระพิฆเนศองค์ใหญ่ วัดสมานรัตนาราม จังหวัดฉะเชิงเทรา

1c33c85ee0841d18d03302c4411d5125

วัดสมานรัตนาราม วัดที่ผู้คนไม่มีผู้รู้จัก ได้พบกับพระหนุ่มองค์หนึ่งมาบวชที่วัดนี้ ด้วยความตั้งใจที่จะพัฒนาวัดอันเป็นบ้านเกิดให้เจริญเป็นที่รู้จักของคนทั่ว ไป เป็นเวลาสิบกว่าปีความตั้งใจที่จะทำ ทำให้วัดพัฒนาจนเป็นที่รู้จัก เพราะท่านได้สละแรงกายแรงใจ และสติปัญญา เกินกว่าวัยของท่านมากยิ่งนัก ท่านก็คือ พระครูธรรมธรไพรัตน์ ปัญญาธโร พระนักพัฒนาอันทรงคุณค่านั่นเอง

วิธีเดินทาง
รถส่วนตัว
จากถนนรามอินทรา ออกมีนบุรี ก่อนถึงมีนบุรีเลี้ยวซ้ายไปจังหวัดฉะเชิงเทรา สังเกตุป้ายบอกทางเมื่อจะเข้า แปดริ้วเลี้ยว ซ้ายบนสะพาน (ตรงไปจะไปชลบุรี ) ไปเรื่อยๆเลยไฟแดงชิดขวาขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง ตรง ไปถึงสี่แยกไฟแดงแยกคอมเพล็กเลี้ยวซ้าย ไปทางบางคล้า ตั้งไมล์กม. จะถึงปากทางวัดจุกเฌอ เลี้ยวช้าย เข้าไปอีกประมาณกิโล จะมีทางเบี่ยงขวาสังเกตป้าย(ถ้าเลยจะเข้าวัดจุกเฌอให้ถอยกลับ) วิ่งข้ามสะพานชี่ง เป็นเขื่อนทดน้ำจะสูง สักนิดลงสะพานวิ่งต่อไปอีกประมาณ1กม.จะถึงปากทางเข้าวัดสมานรัตนาราม
** พอถึงฉะเชิงเทราแล้วป้ายบอกทางไปวัดสมานรัตนารามเยอะมากๆครับ ไม่หลงแน่

ขอขอบคุณ http://galakung.com/

“ประวัติวัดสมานรัตนาราม”

ii

ปัจจุบันเมื่อกล่าวถึง “วัดสมานรัตนาราม” ไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะเป็นวัดที่มีนักท่องเที่ยว ตลอดถึงพ่อค้าประชาชน และนักแสวงบุญทั้งหลายเข้าทำบุญที่วัดไม่ขาดสายเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ ซึ่งสิ่งที่เป็นแรงดึงดูดผู้คนให้เดินทางมาในวัดนี้ นอกจากความสงบร่มรื่น และทิวทัศน์ที่สวยงามภายในวัดแล้ว เป้าหมายของผู้คนที่เดินทางมาที่วัดสมานรัตนารามแห่งนี้ คือ องค์พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทรงไว้อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ และสามารถประสิทธิ์ประสาทพรแก่ผู้ที่มากราบสักการะให้สำเร็จผลในสิ่งที่ปรารถนาทุกประการ

ส่วนประวัติการสร้างวัดสมานรัตนารามนั้น พระครูปลัดสุวัฑฒนพรหมจริยคุณ (ไพรัตน์ ปญฺญาธโร) เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน ได้เล่าให้ฟังว่า ตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ที่เล่าสืบกันต่อกันมา เดิมที ณ ตำบลบางแก้วแห่งนี้ มีขุนท่านหนึ่ง เป็นคหบดีผู้มีฐานะฐานะมั่นคงและเป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป ขุนท่านนี้มีนามว่า ขุนสมานจีนประชา (เดิมชื่อจ๋าย สืบสมาน) ท่านขุนมีน้องสาว 1 คน คือ นางยี่สุ่น วิริยะพาณิชย และมีภรรยา 2 คน คือ นางทิม สืบสมาน และ นางผ่อง สืบสมาน (เพิ่มนคร) Read more »

ไปไหว้พระพิฆเนศวรปางนอน ณ วัดสมานรัตนาราม

keys184_1293160267

พระพิฆนเศวร เป็นเทพที่มีผู้คนนับถือและเคารพมากที่สุด และเป็นที่ทราบกันดีว่า พระพิฆเนศวร มีหลายปาง ซึ่งส่วนใหญ่จะบูชาปางตามสายงานอาชีพของตน แต่วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาไปสักการบูชา “องค์พระพิฆเนศวรปางนอนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย” ณ วัดสมานรัตนาราม ริมแม่น้ำบางปะกง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา กัน…ถ้าพร้อมแล้วตามเราไปเลย

องค์พระพิฆเนศวรปางนอนเสวยสุข ที่ วัดสมานรัตนาราม ถือเป็นปางนอนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง ใกล้กับโครงการเขื่อนทดน้ำบางปะกง ซึ่งบริเวณใกล้ ๆ กันมี องค์พระพิฆเนศวรปางยืน สร้างที่ริมแม่น้ำบางปะกง ตำบลบางตลาด จังหวัดฉะเชิงเทรา และ องค์พระพิฆเนศวรปางนั่ง สร้าง ณ เชิงภูเขา วัดเขาแดง ตำบลสาลิกา จังหวัดนครนายก ให้ได้ไปกราบไหว้อีกด้วย

สำหรับ องค์พระพิฆเนศวรปางนอนเสวยสุข หมายถึง ความสุขสบาย ความสุขบริบูรณ์มั่งคั่งพร้อมทุกด้าน รื่นรมย์ ไร้ทุกข์ ไร้ความเศร้าหมอง อิ่มหนำ สำราญ มีกินมีโชคลาภ จะนำความสุขสบายมาสู่ผู้บูชา ซึ่งมีเนื้อชมพู มีขนาดความสูง 16 เมตร และความกว้าง 14 เมตร ลักษณะนั่งกึ่งนอนตะแคงบนฐาน พระหัตถ์บนด้านขวาทรงเชือกบ่วงบาศน์ ที่ทรงใช้ในการนำพามนุษย์ไปสู่เส้นทางแห่งธรรมะ และหลุดพ้นพร้อมทรงขจัดอุปสรรคในระหว่างทาง พระหัตถ์บนซ้ายทรงเชือกขอสับ ที่ใช้ในการป้องกันและพันฝ่าความยากลำบาก พระหัตถ์ขวาล่างทรงงาที่หักครึ่ง เป็นสัญญลักษณ์แห่งความเสียสละ พระหัตถ์ขวาด้านบนถือดอกบัว

Read more »

ประวัติวัดสมานรัตนาราม

วัดสมานรัตนาราม ปัจจุบันตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง หมู่ที่ ๑๑ ตำบลบางแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา มีที่ดินตามหน้าโฉนด ที่ตั้งวัดทั้งหมด 26 ไร่ 3 งาน 50 ตารางวา

ในอดีตก่อนที่จะมาเป็นวัดแห่งนี้ มีเรื่องเล่าสืบกันต่อกันมาตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในสมัยนั้น มีครอบครัวหนึ่งเป็นคหบดีอยู่ในฐานะมั่นคง เป็นที่เคารพนับหน้าถือตาของคนในระแวกนั้นคือ ครอบครัวของท่านขุนสมานจีนประชา(เดิมชื่อจ๋าย) สกุลของท่านขุนสมานจีนประชาคือ “สืบสมาน” ท่านขุนมีภรรยา 2 คนคือ นางทิม สืบสมาน และ นางผ่อง สืบสมาน (สกุลเก่า-เพิ่มนคร)

เมื่อท่านขุนสมานจีนประชาถึงแก่กรรม ภรรยาทั้ง 2คนของท่านขุนสมานจีนประชา พร้อมด้วยนางยี่สุ่น วิริยะพานิช มีความศรัทธาคิดจะสร้างวัด เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้สามีผู้ล่วงลับจึงได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้นมา ซึ่งมีปรากฏตามหลักฐาน เมื่อ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(ร.๕) ทรงเสด็จทางชลมารค์ผ่านมา ได้ทรงแวะเยี่ยมวัดแห่งนี้ ซึ่งขณะนั้นกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และได้มีชาวบ้านผู้หนึ่งชื่อ นายเหว่า โพนสุวรรณ์ นำนกกวักเผือกถวาย ณ ที่วัดแห่งนี้ด้วย

Read more »

วัดสมานรัตนราม

สิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆที่อยู่ในบริเวณวัด ก็มีผู้ให้ความเคารพนับถือไม่แพ้องค์พระพิฆเนศ ซึ่งก็ขึ้นกับความเชื่อของแต่ละคนเช่นกัน อาทิเช่น พระราหูที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ, พระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ, หลวงพ่อประทานพร, พระปางลีลา ให้ขอโชคลาภและให้สุขภาพแข็งแรง, พระพิฆเนศปางปาฏิหาริย์ 108 กร รวมทั้งเจ้าแม่กวนอิม ปางประทานบุตรและโชคลาภ เป็นต้น
-พระพิฆเนศวร ปางปาฏิหาริย์ 108กร ขอสิ่งใดสำเร็จรวดเร็วทันใจดังปาฎิหาริย์
-เจ้าแม่กวนอิม หรือ พระโพธิสัตว์กวนอิม ที่ประทับที่วัดสมานฯแห่งนี้ เป็นปางประทานบุตร และโชคลาภ เป็นองค์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

ด้านล่างฐานขององค์เจ้าแม่กวนอิม เป็นห้องจัดแสดงเจ้าแม่กวนอิมปางต่างๆ รวมทั้งยังมีวัตถุมงคลให้บูชากลับบ้าน

ส่วนรอบฐานเจ้าแม่กวนอิมด้านนอกนั้น มีรูปปูนปั้นเกี่ยวกับเจ้าแม่กวนอิม และตำนานเซียนต่างๆ

ผู้ที่นิยมไปไหว้ขอพรจากเจ้าแม่กวนอิม ปางประทานบุตรนี้ วัตถุประสงค์เพื่อขอให้ได้บุตร โดยเฉพาะเพศชาย และยังขอไปถึงเรื่องของหน้าที่การงาน เงินทอง และโชคลาภอีกด้วย

-การไหว้พระราหู ตามความเชื่อจะทำให้เกิดโชคลาภ และความสำเร็จ ซึ่งมีโอกาสร่ำรวยด้วยการบูชาพระราหู ซึ่งการบูชาพระราหูจะนำความสำเร็จและโชคอย่างดีที่สุด รวมทั้งการไหว้พระราหูนี้จะช่วยในเรื่องของการแก้ปีชง

** ทุกวันพุธ เปิดให้ไหว้ถึง 4 ทุ่ม**

ขอขอบคุณ http://www.sawasdee-padriew.com/

วัดสมานรัตนาราม พระพิฆเนศ ปางนอนเสวยสุข ฉะเชิงเทรา

วัดสมานรัตนาราม หรือที่หลายคนรู้จักดีในชื่อของ วัดพระพิฆเนศ ฉะเชิงเทรา เพราะพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุขนี้เอง ที่ทำให้วัดสมานรัตนารามแห่งนี้มีชื่อเสียง และเป็นที่รู้จักแก่คนทั่วไปอย่างกว้างขวาง ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ เมื่อมีผู้ใดมาขอพรก็มักจะสำเร็จสมดังใจหวัง จนทำให้เป็นที่นับถือของคนทั่วไปอย่างรวดเร็ว พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุของค์นี้ มีเนื้อองค์เป็นสีชมพูและอาจเรียกได้ว่า เป็นพระพิฆเนศองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

ปางนอนเสวยสุขนั้นมีความหมายว่า เป็นปางที่ประทานความมีกินมีใช้ เงินทองไม่ขาดมือ อยู่อย่างสุขสบาย อิ่มหนำสำราญ ขจัดปัญหา ไม่มีเรื่องให้วุ่นวายใจ เนื้อองค์มีสีชมพู รอบฐานมีปางต่างๆถึง 32 ปางให้ชม ภายใต้ฐานพระพิฆเนศเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเกี่ยวกับพระพิฆเนศปางต่างๆ พร้อมทั้งเปิดให้ประชาชนทั่วไปเช่าพระพิฆเนศไปบูชาที่บ้าน

ทางวัดได้เปิดให้ประชาชนสักการะกราบไหว้องค์พระพิฆเนศ โดยจัดพื้นที่ให้เป็นศาลาริมแม่น้ำ ภายในศาลาเป็นที่ประดิษฐานองค์พระพิฆเนศจำลองปางต่างๆ อีกทั้งมีพระพุทธรูป ให้ประชาชนได้กราบไหว้สักการะขอพร

Read more »

จุดบูชา ขอพรพระพิฆคเนศองค์โต ที่วัดสมาน

4ae61df938dbf9113dab3114262d354e

พระพิฆเนศ ถือเป็นเทพเจ้าแห่งความรู้ ความสำเร็จ เป็นมหาเทพที่คนไทยนับถือมากองค์หนึ่งค่ะ ซึ่งเรามักจะขอพรท่านในด้านต่าง ๆ และพระองค์ย่อมประทานพรให้สมปรารถนาเสมอ เช่น ด้านการศึกษาเล่าเรียน , ตำแหน่งหน้าที่การงาน , การเงิน , ความรัก , ปัดเป่าอุปสรรคทุกข์ภัยหรือแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ตลอดจนขอให้ทุกอย่างประสบผลสำเร็จ เป็นต้น

ดังนั้นวันนี้ จึงถือโอกาสดี พาทุกคนออกเดินทางไปสักการะ ขอพร องค์พระพิฆเนศ ที่มีความพิเศษกว่าปกติ กล่าวคือ เราจะไปกราบไหว้ พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่ วัดสมานรัตนาราม จ.ฉะเชิงเทรา ค่ะ

วัดสมานรัตนาราม (ใหม่ขุนสมาน) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง หมู่ที่ 11 ต.บางแก้ว อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ค่ะ ซึ่งตำแหน่งที่ตั้งของ วัดสมานรัตนาราม นี้ กล่าวกันว่า…อยู่ในตำแหน่ง ฮวงจุ้ยมงคล หรือเป็นตำแหน่ง ถุงเงินถุงทอง ที่ถือเป็นจุดรับทรัพย์ที่ดีมาก ๆ
ส่วนการก่อสร้างวัดนั้นตามประวัติบอกไว้ว่า วัดนี้สร้างขึ้นจากความต้องการของภรรยาทั้ง 2 ของ ท่านขุนสมานจีนประชา คือ นางทิม สืบสมาน และ นางผ่อง สืบสมาน (เพิ่มนคร ) พร้อมทั้ง นางยี่สุ่น วิริยะพานิช (น้องสาวของขุนสมาน) เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ ท่านขุนสมานจีนประชา ภายหลังจากที่ท่านถึงแก่อนิจกรรมค่ะ

Read more »

วัดสมานรัตนราม

E12191195-0

ในคราวที่พระศิวะทรงไปบำเพ็ญสมาธิเป็นระยะเวลานาน พระแม่ปารวตี ประสงค์ที่จะมีผู้คอยดูแลพระองค์และป้องกันคนภายนอกที่จะเข้ามาก่อความวุ่นวายในพระตำหนักจึงเสกเด็กขึ้นมาเพื่อเป็นพระโอรสที่จะเป็นเพื่อน

เมื่อองค์ศิวเทพเสด็จกลับมาและจะเข้าไปพระตำหนักก็ถูกเด็กหนุ่มห้ามไม่ให้เข้า เนื่องจากไม่รู้ว่าเป็นใครและไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มเป็นโอรสที่พระแม่ปารวตีได้เสกขึ้นมา เมื่อถูกขัดใจก็ทรงพิโรธและตวาดให้เด็กหนุ่มนั้นหลีกทางให้ พลางถามว่ารู้ไหมว่ากำลังห้ามใครอยู่ ฝ่ายเด็กก็ตอบกลับว่าไม่จำเป็นที่จะต้องรู้ว่าเป็นใครเพราะตนกำลังทำตามบัญชาของพระแม่ปารวตี และทั้งสองก็ได้ทำการต่อสู้กันอย่างรุนแรง ในที่สุดเด็กหนุ่มนั้นก็ถูกตรีศูลของมหาเทพจนสิ้นใจ และศีรษะก็ถูกตัดหายไป

พระแม่ปารวตีถึงกับสิ้นสติเมื่อเห็นร่างพระโอรสที่ปราศจากศีรษะ และเมื่อได้สติก็ทรงตัดพ้อพระสวามีที่มีใจโหดเหี้ยมทำร้ายเด็กได้ลงคอ โดยเฉพาะเมื่อเด็กนั้นเป็นพระโอรสของพระนางเอง

เมื่อได้ยินพระนางตัดพ้อต่อว่า องค์มหาเทพก็ทรงตรัสว่าจะทำให้เด็กนั้นกลับพื้นขึ้นมาใหม่ แต่หาศีรษะที่หายไปไม่ได้และยิ่งใกล้เวลาเช้า หากดวงอาทิตย์ขึ้น จะไม่สามารถชุบชีวิตให้เด็กหนุ่มฟื้นขึ้นมาได้

Read more »

วัดสมานรัตนาราม

watsaman1

วัดสมานรัตนาราม ตั้งอยู่ระหว่างอำเภอบางคล้า และอำเภอคลองเขื่อน ริมแม่น้ำบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็น วัดที่มีองค์พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุขที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สูง 16 เมตร ยาว 22 เมตร เนื้อชมพู เป็นพระพิฆเนศปางนอนเสวยสุขที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ลักษณะกึ่งนั่งนอนตะแคง โดยพระหัตถ์ซ้าย ถืองาที่ หัก พระหัตถ์ขวาถือดอกบัว โดยรอบฐานมีพระพิฆเนศ 32 ปาง ให้ได้ขอพรสักการะความหมาย ของ พระพิฆเนศ ปางนอนเสวยสุข คือ ความสุขสบาย ความสุขบริบูรณ์มั่งคั่งพร้อมทุกด้าน รื่นรมย์ ไร้ทุกข์ ไร้ความ เศร้าหมอง อิ่มหนำสำราญ มีกิน มีโชคลาภ จะนำความความสุขสบายมาสู่ผู้บูชา ถือเป็นมหามงคล สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่อยู่คู่ ประชาชนในจังหวัดฉะเชิงเทราอีกด้วย

บริเวณด้านหน้าพระพิฆเนศ จะมีปูนปั้นรูปหนูอยู่สองตัว ชื่อว่าหนูมุสิกะ ซึ่งเป็นต้นห้องของพระพิฆเนศ ซึ่งจะมี นักท่องเที่ยวต่อแถวยาวยืนกระซิบที่รูปปั้นหนูนั้น เชื่อว่า ถ้าอยากได้สิ่งใด ขอพรสิ่งใดให้สมหวัง ให้ไปกระซิบที่หู หนู แล้วหนูจะนำสิ่งที่เราขอนั้นไปบอกท่านพระพิฆเนศให้ประทานสิ่งที่ต้องการกลับมา และที่สำคัญอย่าลืม ติดสิน บนหนูด้วย โดยการทำบุญใส่ตู้ที่วางไว้ด้านหน้าเขามีเคล็ดลับอีกอย่างในการขอพรคือ เวลาไปกระซิบบอกท่านหนู ให้เราเอามืออีกข้างอ้อมไปปิดรูหูของท่านหนูอีกข้างด้วย ทั้งนี้เพราะป้องกันการฝากขอพรจะไม่เข้าหูซ้าย ทะลุ ออกไปหูขวานั่นเองภายใต้ฐานพระพิฆเนศ เป็นห้องจัดแสดงวัตถุมงคลได้เปิดให้ประชาชนเข้าชม และสำหรับผู้ที่ ต้องการบูชาองค์พระพิฆเนศ

Read more »

วัดเสม็ดเหนือ

497245

วัดเสม็ดเหนือ ตั้งอยู่เลขที่ 52 บ้านหมู่ใหญ่ หมู่ที่ 1 ตำบลเสม็ดเหนือ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย

วัดเสม็ดเหนือ ตั้งเมื่อ พ.ศ. 2419 เดิมชื่อ วัดทุ่งเสม็ด เริ่มแรกตั้งวัดมีเนื้อที่เพียง 3 ไร่เศษ ต่อมาปี พ.ศ. 2445 จีนเล็ก งามสง่า ได้มีจิตศรัทธาบริจาคที่ ดินถวายวัด จำนวน ๘๗ ไร่ และได้ช่วยพัฒนาและอุปถัมภ์วัดมาโดยตลอด ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2509 เขตวิสุงคามสีมา กว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร

การบริหารและการปกครอง มีเจ้าอาวาส เท่าที่ทราบนาม คือ รูปที่ 1 พระเต่า รูปที่ 2 พระกวย รูปที่ 3 พระจำรัส รูปที่ 4 พระครูบริรักษ์วรเขต พ.ศ. 2487- 2539 รูปที่ 5 พระครูศุภกิจจานุกูล พ.ศ. 2541 – ปัจจุบัน

วัดเสม็ดเหนือ เป็นวัดเก่าแก่ประจำหมู่บ้าน เป็นสถานที่ที่ประชาชนในหมู่ 1 ตำบลเสม็ดเหนือและชุมชนใกล้เคียง ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และกิจกรรมทางวัฒนธรรม ประเพณี พุทธศาสนิกชน นิยมมากกราบไหว้ขอพร ขอโชค ขอลาภกับพระสิวลีและเรือเจ้าแม่ตะเคียนอายุกว่า 492 ปี อีกทั้งชมโบสถ์เก่าแก่อายุกว่า 100 ปี มีวิหารหลวงพ่อชิต อดีตเจ้าคณะอำเภอบางคล้า ซึ่งเป็นที่เคารพของคนในท้องถิ่น

ขอขอบคุณ http://www.m-culture.in.th/

วัดเสม็ดเหนือ (ราษฎร์ยินดี)

วัดเสม็ดเหนือ (ราษฎร์ยินดี)

pc376

เดิมชื่อวัดทุ่งเสม็ด ตั้งอยู่ในตำบลเสม็ดเหนือ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๙ พุทธศาสนิกชนนิยมมากราบไหว้ขอพร ขอโชคลาภกับพระสิวลี และเรือเจ้าแม่ตะเคียน อายุกว่า ๔๙๒ อีกทั้งชมโบสถ์เก่าอายุ ๑๓๐ ปี

Wat Samet Nuea (Rad Yindee)

The original name this temple was Wat Thoong Samet in Tambol Samet Nuea and was built in 1876.People come to pay respect to Pra Siwalee with 492 years old Takian Wood boat.
โทร./Tel. 0-3858-3054

ขอขอบคุณ http://www.chachoengsao.go.th/

วัดเสม็ดเหนือ, จังหวัด ฉะเชิงเทรา,

106aba0395e54b028b158a6c705ea66a

รายละเอียด : วัดเสม็ดเหนือเดิมมีชื่อว่า “วัดทุ่งเสม็ด” ชมโบสถ์เก่าแก่ที่มีอายุยาวนานมากว่า 130 ปี อักทั้งยังได้กราบไหว้ขอพร ขอโชค ขอลาภ กับพระสิวลีและเรือเจ้าแม่ตะเคียน อายุกว่า 452 ปีอีกด้วย
การเดินทาง : ใช้เส้นทางถนนสาย 304 มุ่งหน้าไปทาง อ.บางคล้า เส้นทางเดียวกับทางไปวัดสมานรัตนาราม ผ่านปาททางเข้าวัดสมานไปประมาณ 7 กิโลเมตร จะเห็นทางเข้าวัดหัวเสม็ดเหนืออยู่ทางขวามือ ให้ชิดขวาเพื่อกลับรถ จากปากซอยเข้าไปประมาณ 700 เมตร จะเห็นวัดอยู่ทางซ้ายมือ

ขอขอบคุณ http://www.zeekway.com/

วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์หรือวัดเมือง

20100905005314

วัดนี้ถือว่าเป็นวัดทื่มีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคนั้น เพราะนอกจากจะได้รับ
พระราชทานวิสุงคามสีมากว้าง 17 เมตร ยาว 29.50 เมตรแล้ว สังเกตจาก
ศิลปะที่องค์พระปรางค์ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับพระปรางค์อัฐเคราะห์ในะ
วัดพรศรีรัตนศาสดารามในกรุงเทพมหานครมากจึงน่าเชื่อว่าคงจะได้ช่างฝีมือจากเมืองหลวง

รายละเอียด :วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์หรือวัดเมือง
วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์หรือวัดเมืองเป็นโบราณสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง ที่สร้างขึ้นเมื่อเกิดการสร้างบ้านแปลงเมืองของฉะเชิงเทรา
ใน พ.ศ. 2377 เมื่อมีการสร้างกำแพงเมืองเพื่อกำหนดขอบเขตของแปดริ้ว และ ให้เมืองนี้เป็นปราการรักษาพระนคร และชาวบ้านชาวเมืองให้ปลอดภัยจากข้า
ศึกศัตรูนั้น ศรัทธาในพระพุทธศาสนาได้ทำให้มีการสร้างวัดขึ้นมาด้วย เพื่อเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองและเป็นที่พึ่งทางใจในยามสงคราม เนื่องจากวัดนี้ ตั้งอยู่ในเมือง ชาวบ้านจึงเรียกกันโดยทั่วไปว่า ” วัดเมือง ” ต่อมาภายหลังเมื่อพระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จประพาสฉะเชิงเทรา ในปี พ.ศ. 2451
จึงได้พระราชทานนามวัดว่า ” วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์ ” ซึ่งมีความหมายว่า
วัดที่ลุงของพระเจ้าแผ่นดินสร้าง”

ขอขอบคุณ http://www.xn--l3cjf8d8bveb.com/

วัดเมือง (วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์)

5458_1

วัดเมือง (วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์) ต.หน้าเมือง อ.เมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา
หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า “วัดเมือง” เนื่องจากศาสนสถานแห่งนี้สร้างขึ้นในตัวเมือง ครั้งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านเมือง ต่อมาภายหลังจึงได้รับการพระราชทานนาม จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งเสด็จประพาสเมืองฉะเชิงเทราว่า “วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎ์” ความหมายว่า วัดที่ลุงของพระเจ้าแผ่นดินทรงสร้าง สร้างด้วยสถาปัตยกรรมใกล้เคียงกับพระปรางค์ วัดพระศรีรัตนศาสดารามที่กรุงเทพมหานคร นั่นคือมีพระปรางค์ย่อมุมไม้สิบสอง 4 องค์

การเดินทาง
ไปตามถนนมหาจักรพรรดิก่อนถึงสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกงเลี้ยวซ้ายไปตามถนนมรุพงษ์ซึ่งเป็นถนนเลียบแม่น้ำก็จะถึงวัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์

ขอขอบคุณ http://www.hotelsguidethailand.com/

วัดเมือง (วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์)

วัดเมือง (วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์) อยู่ตำบลหน้าเมือง เป็นวัดที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 ในปี พ.ศ. 2377 พร้อมๆ กับการสร้างป้อมและกำแพงเมือง โดยช่างฝีมือจากเมืองหลวง มีรูปแบบสถาปัตยกรรมใกล้เคียงกับพระปรางค์วัดพระศรีรัตนศาสดารามที่กรุงเทพมหานคร ต่างกันเพียงรายละเอียดปลีกย่อยเท่านั้น วัดนี้เดิมเรียกว่า วัดเมือง ต่อมาในปี พ.ศ. 2451 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสจังหวัดฉะเชิงเทราและได้พระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎิ์” แปลว่าวัดที่ลุงของพระเจ้าแผ่นดินทรงสร้าง

ขอขอบคุณ http://www.annaontour.com/

. . . . . . .
. . . . . . .