วัดคีรีวงศ์ นครสวรรค์

watkiriwong

วัดคีรีวงศ์ ตั้งอยู่บนเขาดาวดึงส์ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ วัดคีรีวงศ์มีองค์มหาเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์คือพระจุฬามณีเจดีย์ ซึ่งเป็นทองเหลืองอร่าม ไปทั้งเจดีย์ เมื่อขึ้นไปถึงฐานพระเจดีย์ชั้น 4 จะมองเห็นภูมิทัศน์อันสวยงามของเมืองนครสวรรค์ในระยะไกลประมาณ 10กิโลเมตร ถ้ามองไปทางทิศตะวันออก จะมองเห็นเขากบ บึงบอระเพ็ด และตลาดปากน้ำโพ หากมองไปทางทิศใต้ จะเห็นอุทยานสวรรค์ ต้นแม่น้ำ เจ้าพระยา ศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์ และเขาจอมคีรีนาคพรต หันไปทางทิศตะวันตก จะเห็นภูเขาน้อยใหญ่ ทอดตัวตระหง่าน อยู่เป็นช่วง ๆ โดยมีภูเขาหลวงเป็นฉากกั้นยามพระอาทิตย์อัสดง จะเป็นภาพที่งดงามชวนให้หลงใหลในภาพที่ธรรมชาติตกแต่งขึ้น
พระจุฬามณีเจดีย์ เป็นองค์เจดีย์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนยอดเขาด้านในเจดีย์ มีทั้งหมดสี่ชั้น ด้านหน้าบนฐานชั้นแรกเป็นที่จุดธูปเทียนบูชา ชั้นที่สองจะมี รูปหล่อเหมือนขนาดเท่าองค์จริงของพระชื่อดังหลายองค์ เช่น รอยพระพุทธบาทจำลอง 12 ราศี, พระพุฒาจารย์โตวัดระฆัง ,หลวงปู่ทวดวัดช้างไห้, หลวงพ่อสดวัดปากน้ำและอีกหลายองค์ Read more »

ประวัติวัดพุทธมงคลนิมิตร นครสวรรค์

วัดพุทธมงคลนิมิตร นครสวรรค์ เป็นวัดธรรมยุติแห่งแรกในอำเภอเมือง นครสวรรค์ ที่มีความสำคัญวัดหนึ่ง สืบเนื่องจากเป็นวัดที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จยกช่อฟ้าและประทานพระนามาภิไทย่อ “ภปร” เพื่อประดิษฐาน หน้าบันพระอุโบสถ ของวัดฯ
อีกทั้งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากองค์สมเด็จพระราชชนนี(สมเด็จย่าฯ) เสด็จพระราชดำเนินเททองหล่อพระประธาน “พระพุทธมงคลนิมิตร”เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๑๐ และได้รับเสด็จพระบรมวงศานุวงศ์อีกหลายพระองค์ เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๑๐-๒๕๑๕
วัดได้เริ่มก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ. ๒๔๙๙ โดยมีพระครูญาณวิศิษฏ์ (ทรงไชย เขมปฺปฺตโต) รับบริจาคที่ดินจากคณะศรัทธา และเริ่มสร้างกุฎิและศาลาเล็ก ต่อมาได้ทำการขออนุญาติตั้งวัดได้สำเร็จเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๐๘
วัดนี้มีความสำคัญอีกอย่างก็คือ ในสมัยก่อนมักมีครูบาอาจารย์แวะมาพัก ก่อนจะเดินทางขึ้นและลงมาจากทางภาคเหนือ เนื่องด้วยพระครูญาณวิศิษฏ์(ทรงไชย) ได้อุปสมบทที่วัดศรีโพนเมือง สกลนคร เมื่อปีพ.ศ.๒๔๙๓ โดยมีพระธรรมเจดีย์(จูม) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปู่อ่อน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์ฝั้น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และอยู่ฝึกอบรมกับพระอาจารย์ฝั้น หลายปี จึงทำให้รู้จักคุ้นเคยกับครูบาอาจารย์ในสมัยนั้นเป็นจำนวนมาก
Read more »

ประวัติ วัดพุทธมงคลนิมิตร

Exif_JPEG_PICTURE

วัดพุทธมงคลนิมิตร อ.เมืองจ.นครสวรรค์ เป็นวัดฝ่ายพระธรรมยุต เพียงแห่งเดียวในอำเภอเมืองนครสวรรค์ ได้รับการประกาศตั้งเป็นวัดเมื่อ
วันที่ 3 ธันวาคม 2508 ตั้งอยู่ระหว่าง เขากบกับเขาใหญ่
สืบเนื่องจาก
วัดพุทธมงคลนิมิตร อ.เมืองจ.นครสวรรค์ เป็นวัดที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จยกช่อฟ้าและประทานพระนามาภิไทย่อ “ภปร” เพื่อประดิษฐาน หน้าบันพระอุโบสถ ของวัดฯ
อีกทั้งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากองค์สมเด็จพระราชชนนี(สมเด็จย่าฯ) เสด็จพระราชดำเนินเททองหล่อพระประธาน “พระพุทธมงคลนิมิตร”เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๑๐ และได้รับเสด็จพระบรมวงศานุวงศ์อีกหลายพระองค์ เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๑๐-๒๕๑๕
วัดได้เริ่มก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ. ๒๔๙๙ โดยมีพระครูญาณวิศิษฏ์ (ทรงไชย เขมปฺปฺตโต) รับบริจาคที่ดินจากคณะศรัทธา และเริ่มสร้างกุฎิและศาลาเล็ก ต่อมาได้ทำการขออนุญาติตั้งวัดได้สำเร็จเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๐๘
วัดนี้มีความสำคัญอีกอย่างก็คือ ในสมัยก่อนมักมีครูบาอาจารย์แวะมาพัก ก่อนจะเดินทางขึ้นและลงมาจากทางภาคเหนือ เนื่องด้วยพระครูญาณวิศิษฏ์(ทรงไชย) ได้อุปสมบทที่วัดศรีโพนเมือง สกลนคร เมื่อปีพ.ศ.๒๔๙๓ โดยมีพระธรรมเจดีย์(จูม) เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปู่อ่อน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์ฝั้น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และอยู่ฝึกอบรมกับพระอาจารย์ฝั้น หลายปี จึงทำให้รู้จักคุ้นเคยกับครูบาอาจารย์ในสมัยนั้นเป็นจำนวนมาก
Read more »

โรงเรียนพระปริยัติธรรมธรรมคุณาภรณ์ประสาธน์วัดโพธาราม

โรงเรียนพระปริยัติธรรมธรรมคุณาภรณ์ประสาธน์วัดโพธาราม นับเป็นหน่วยงานที่ใหญ่ที่สุดภายในวัด ทำหน้าที่จัดการศึกษาให้แก่พระภิกษุสามเณร ภายในวัด และในบริเวณใกล้เคียง เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรม

เนื่องด้วยหลวงพ่อพระธรรมคุณาภรณ์ จัดการศึกษาได้ไม่นาน ท่านได้ถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๑๓ ซึ่งศิษยานุศิษย์ได้กำหนดให้เป็นวันกตัญญู บำเพ็ญกุศลอุทิศถวายแก่อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธารามทุกรูป คุณงามความดีของท่านยังติดตาตรึงใจศิษยานุศษย์วัดโพธารามเสมอมา

เมื่อสมัยพระมหาสายติ่ง ฐิตสจฺโจ ป.ธ. ๘ อาจารย์ใหญ่โรงเรียนพระปริยัติธรรม จึงได้มีดำริสร้างโรงเรียนขึ้น ๑ หลัง เป็นอาคารตรีมุข ทรงไทย สามชั้น ชั้นละ ๕ ห้องเรียน วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๑๕ เวลา ๑๐.๐๐ น. ได้ตั้งชื่อโรงเรียนเป็นอนุสรณ์ว่า “โรงเรียนพระปริยัติธรรมธรรมคุณาภรณ์ประสาธน์ วัดโพธาราม” เพื่อถวายเป็นเกียรติประวัติแก่หลวงพ่อพระธรรมคุณาภรณ์ ๓๐ ปี ที่โรงเรียนพระปริยัติธรรมหลังนี้ได้ให้การศึกษาแก่พระภิกษุสามเณร ได้เป็นมหาเปรียญมีอนาคตก้าวหน้า บางท่านก็ลาสิกขาไปประกอบสัมมาอาชีพ มีครอบครัวเป็นปรึกแผ่นจำนวนมาก

กำเนิดโรงเรียนพระปริยัติธรรม
ย้อนดูประวัติศาสตร์การเรียนนักธรรม บาลีแล้ว วัดโพธารามได้เริ่มจัดรูปแบบที่เป็นระบบของการศึกษาที่ได้มาตรฐานโดยค่อย ๆ วางหลักเกณฑ์ วิธีปฏิบัติ จนหยั่งรากลึกมั่นคง สามารถผลิตทรัพยากรมนุษย์ได้อย่างมีคุณภาพ
ในสมัยหลวงพ่อพระครูสวรรค์นคณาจารย์ อดีตเจ้าอาวาส ท่านได้ตั้งโรงเรียนนักธรรมขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๑ มีพระภิกษุสามเณรเรียนนักธรรมเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อให้เกิดแรงบันดาลใจในการที่จะจัดตั้งโรงเรียนบาลีอีกประเภทหนึ่งแต่ท่านไม่ได้เป็นมหาเปรียญจึงได้วางแผนระยะยาวโดยจะนิมนต์พระมหาเช้า ฐิตปญฺโญ ป.ธ. ๙ (พระธรรมคุณาภรณ์) จนท่านมรณภาพ พระมหาเช้าจึงได้มาเป็นเจ้าอาวาสแทน
พ.ศ.๒๔๙๕ ได้จัดตั้งโรงเรียนบาลีขึ้น มีนักเรียนมากอย่างรวดเร็วเพราะสมัยนั้นไม่มีโรงเรียนบาลีแพร่หลายอย่างปัจจุบัน ลุมาถึง พ.ศ. ๒๕๐๐ ก็มีนักเรียนเกือบ ๒๐๐ รูป ทำให้การเรียนนักธรรม-บาลี เจริญรุ่งเรืองอย่างมาก
Read more »

พระเกศีวิกรม (เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน) –วัดโพธาราม จ.นครสวรรค์

pp

สถานะเดิม
ชื่อ กอง นามสกุล ศิรินาค เกิดวัน ๗ฯ๘ ค่ำ ปีฉลู วันที่ ๑๐ เดือน มิถุนายน พ.ศ ๒๔๘๐
เป็นบุตรของนามบิดา นายกาบ นามสกุล ศิรินาค นามมารดา นางทา นามสกุล ศิรินาค บ้านเลขที่ ๘ หมู่ที่ ๒ ตำบลท่าไม้ อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร

อุปสมบท
วัน ๕ฯ๕ ค่ำ ปี วอก วันที่ ๖ เดือน เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๐ ณ พัทธสีมา วัดมณีบรรพต ตำบลระแหง อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก
นามพระอุปัชฌาย์ พระวิสุทธิสมณาจารย์ เจ้าอาวาสวัดมณีบรรพต ตำบลระแหง อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก
นามพระกรรมวาจาจารย์พระครูรัตนวาสพิพัฒน์ วัดมณีบรรพต ตำบลระแหง อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก
นามพระอนุสาวนาจารย์ พระปลัดทิน ทินฺนโก วัดมณีบรรพต ตำบลระแหง อำเภอเมืองตาก จังหวัดตาก

วิทยฐานะ
พ.ศ. ๒๔๙๔ สำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนประชาบาลวัดสุวรรณาราม อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร
พ.ศ. ๒๕๒๘ ได้รับใบเทียบความรู้มัธยมศึกษาปีที่ ๖ ของกระทรวงศึกษาธิการ
พ.ศ. ๒๕๐๐ สอบไล่ได้ น.ธ.ตรี สำนักเรียนวัดสุวรรณาราม สำนักเรียนคณะจังหวัดกำแพงเพชร อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร
พ.ศ. ๒๕๐๑ สอบไล่ได้ น.ธ.โท สำนักเรียนวัดสุวรรณาราม สำนักเรียนคณะจังหวัดกำแพงเพชร อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร
พ.ศ. ๒๕๐๓ สอบไล่ได้ น.ธ.เอก สำนักเรียนวัดโพธาราม อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครสวรรค์
พ.ศ. ๒๕๐๘ สอบไล่ได้ประโยค ป.ธ. ๓ สำนักเรียนวัดโพธาราม พระอารามหลวง ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมืองฯ จังหวัดนครสวรรค์
Read more »

ปูชนียวัตถุ วัดโพธาราม

๑. หลวงพ่อเพชรเป็นพระพุทธรูปปางขัดสมาธิเพชร สร้างขึ้นสมัยใดไม่ชัดเจน เป็นพระประจำอยู่ในพระอุโบสถ สมัยเมื่อโบสถ์ยังตั้งอยู่ริมถนนโกสีย์ในปัจจุบัน เป็นอาคารไม้ล้วน ๆ ผู้สูงอายุได้เล่าให้ฟังว่า ประมาณ ๑๐๐ ปีมาแล้ว ตลาดปากน้ำโพเกิดไฟไหม้รวมทั้งพระอุโบสถ กุฏิ ศาลา ของวัดโพธาราม ด้วย แม้พระพุทธรูปในอุโบสถถูกไฟไหม้ไม่มีเหลือ มีเหลือแต่เพียงหลวงพ่อเพชรเพียงองค์เดียว พระครูสวรรค์นคราจารย์ ได้นำมาประดิษฐานไว้หน้าพระอุโบสถหลังใหม่ มีอุบาสกอุบาสิกากราบไหว้สักการะทำวัตรสวดมนต์ต่อหน้าหลวงพ่อเพชรเป็นประจำ จนมาถึงสมัยพระธรรมคุณาภรณ์ เป็นเจ้าอาวาส
ต่อมาเมื่อพระเทพคุณาภรณ์เป็นเจ้าอาวาสได้สร้างสภาบริหารสงฆ์ ฯ เสร็จ ใน พ.ศ.๒๕๒๔ จึงได้ย้ายหลวงพ่อเพชรมาประดิษฐานไว้ที่สภาบริหารคณะสงฆ์
เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๐ พระเทพคุณาภรณ์ ได้สร้างมณฑปเสร็จ จึงได้ย้ายหลวงพ่อเพชรมาประดิษฐานไว้มณฑปจนถึงปัจจุบันนี้ และได้สร้างพระเกจิอาจารย์เป็นรูปหล่อเท่าองค์จริง เช่น สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี), หลวงพ่อเดิม, หลวงพ่อเงิน และหลวงพ่อพระเทพคุณาภรณ์ ประดิษฐานบนมณฑปให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชาเป็นประจำทุกวันไม่มีวันหยุด

๒. พระโพธานุชินราช พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หล่อด้วยโลหะประสม หน้าตัก ๔ ฟุต ๑๔ ซม. สูง ๖ ฟุต ๑๐ ซม. หล่อที่วัดระฆังโฆสิตาราม จังหวัดธนบุรี เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๖ สมัยสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ม.ร.ว.เจริญ อิศรางกูร) ผู้บัญชาการมณฑลนครสวรรค์ เมื่อเป็นพระพิมลธรรม เป็นผู้ดำเนินการหล่อ โดยให้ช่างแดงเป็นผู้ปั้นหุ่นรูปหล่อ คาดว่า คงเป็นพระประธานในพระอุโบสถหลังเดิมที่ถูกไฟไหม้ พร้อมกับหลวงพ่อเพ

ขอขอบคุณ http://student.nu.ac.th

สถานที่ตั้งวัดโพธาราม

-2_1_~1

วัดโพธาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่เลขที่ ๔๗๔ ถนนโกสีย์ ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ รหัสไปรษณีย์ ๖๐๐๐๐ โทรศัพท์ ๐ ๕๖๓๑ ๔๒๐๑ โทรสาร ๐ ๕๖๓๑ ๔๐๗๖

วัดโพธาราม   มีเนื้อที่เฉพาะที่เป็นเขตสังฆาวาส ๑๕ ไร่ ๒ งาน ๖๗ วา  โฉนดเลขที่ ๒๑๘๑
อาณาเขต
ทิศเหนือ  จดถนนสวรรค์วิถี
ทิศใต้      จดถนนโกสีย์
ทิศตะวันออก จดถนนอรรกวี
ทิศตะวันตก จดถนนจุฬามณี   

ขอขอบคุณ http://student.nu.ac.th/

ตักบาตรเมืองนครสวรรค์ -วัดโพธาราม

boon1_6

อานิสงส์ของการตักบาตรพระ

1. เกิดในร่มเงาบวชพระพุทธศาสนาไปทุกภพทุกชาติ
2. ย่อมเจริญด้วยโภคทรัพย์สมบัติเป็นอันมาก
3. ทรัพย์สมบัติคงทนถาวร ไม่วิบัติด้วยภัยใดๆ
4. ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก ที่ชอบใจของคนหมูมาก
5. คนดีเป็นอันมาก ย่อมคบหาผู้ให้ทาน
6. ชื่อเสียงอันดีงามของผู้ให้ ย่อมฟุ้งขจรไป
7. ผู้ให้ย่อมแกล้วกล้าอาจหาญ ไม่เก้อเขินในที่ประชุม
8. เมื่อสิ้นอายุขัย ย่อมเกิดในสุคติโลกสวรรค์
9. บรรลุมรรคผลนิพพานได้โดยง่าย

ข้อปฏิบัติที่ดีงามในการตักบาตร

– แต่งการด้วยชุดขาว หรือเสื้อขาวเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา
– อาหารใส่บาตรควารเป็นอาหารแห้ง
– ข้าวสารควรบรรจุถุงให้เรียบร้อย
– งดใส่ น้ำดื่มชนิดแก้วพลาสติก
– งดใส่ปัจจัยลงในบาตรท่านสามารถบริจาคได้ที่จุดรับบริจาค หรือต้นผ้าป่าที่มีเจ้าหน้าที่ดูแล
– รักษาใจให้ ผ่องใส น้อมถวายไทยธรรมเป็นสังฆทาน
– ใส่บาตรด้วยความเคารพ ด้วยการนั่งใส่บาตรโดยให้แถวหน้าใส่ให้เสร็จก่อน

Read more »

วัดโพธาราม (พระอารามหลวง)

003

วัดโพธาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่เลขที่ 474 ถนนโกสีย์ ตลาดปากน้ำโพ ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ 15 ไร่ 2 งาน 67 ตารางวา อาณาเขต ทิศเหนือติดต่อกับถนนสวรรค์วิถี ทิศใต้ติดต่อกับถนนโกสีย์ ทิศตะวันออกติดต่อกับถนนอรรถกวี ทิศตะวันตกติดต่อกับถนนจุฬามณี ตามโฉนดที่ดินเลขที่ 3181 และมีที่ธรณีสงฆ์ จำนวน 10 แปลง เนื้อที่ 124 ไร่ 1 งาน 99 ตารางวา ตามโฉนดที่ดินเลขที่ 3089, 3178, 3179, 3180, 3182, 3183, 1908, 19809, 7371 อยู่ท้องที่ตำบลปากน้ำโพ 8 แปลง ตำบลวัดไทร 1 แปลงและตำบลหนองกรด 1 แปลง

พื้นที่ตั้งวัดเป็นที่ราบลุ่มอยู่ท่ามกลางตลาดปากน้ำโพ มีถนนคั่นบริเวณวัดไว้ทั้งสี่ด้าน ตรงข้ามฟากถนนเป็นอาคารพาณิชย์ ทิวทัศน์ห่างออกไปด้านหลังวัดเป็นเทือกเขากบด้านหน้าวัดติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นย่านการค้าทั้งทางบกและน้ำ การคมนาคมติดต่อกับทุกภาคของประเทศไทยได้สะดวก
อาคารเสนาสนะต่าง ๆ มีพระอุโบสถหลังใหม่ เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. 2475 โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดกว้าง 12 เมตร ยาว 21 เมตร ยกพื้นสูง 3 เมตรเศษพื้นปูด้วยหินอ่อน ศาลาการเปรียญกว้าง 19 เมตร ยาว 27 เมตร เป็นตึกทรงไทย 2 ชั้น อาคารสภาบริหารคณะสงฆ์เป็นตึกทรงไทย 3 ชั้น อาคารเรียนปริยัติธรรมเป็นตึกทรงไทย 3 ชั้น กุฏิสงฆ์ จำนวน 9 หลัง เป็นตึก 5 ชั้น 1 หลัง, ตึก 2 ชั้น 3 หลัง ครึ่งตึกครึ่งไม้ 2 ชั้น 3 หลัง, ตึกชั้นเดียว 1 หลัง และตึก 3 ชั้น 1 หลัง

ปูชนียวัตถุ มีพระประธานในอุโบสถ ปางมารวิชัย สร้างด้วยทองเหลือง มีพระนามเรียกว่า “พระโพธานุชินราช” สร้างขึ้นที่วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพมหานคร เมื่อ พ.ศ. 2456 โดยสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ม.ร.ว.เจริญ อิศรางกูร) พร้อมเจ้าคณะมณฑลนครสวรรค์สมัยที่ดำรงสมณศักดิ์ที่พระพิมลธรรมเป็นผู้ดำเนินการหล่อขึ้นพร้อมกับพระอัครสาวก

Read more »

ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์วัดโพธาราม (ศพอ.พ.)

ระเบียบการ

โรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์วัดโพธารามครั้งเริ่มก่อตั้งเดิมชื่อว่า “โรงเรียนสัตตาหศึกษาวันอาทิตย์” ปัจจุบันเรียกว่า “ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์วัดโพธาราม” (ศพอ.พ.) ได้เปิดอบรมสั่งสอนกุลบุตรกุลธิดาให้ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรมตั้งแต่วันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๑๐โดยความดำริของพระเดชพระคุณพระธรรมคุณาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธารามเป็นผู้ให้กำเนิดทั้งนี้สืบเนื่องมาจากสมัยที่ท่านเจ้าคุณพระธรรมคุณาภรณ์ได้ไปดูงานการพระพุทธศาสนาที่ประเทศศรีลังกา ได้เห็นการอบรมสั่งสอนของพระสงฆ์ชาวลังกาที่เปิดการเรียนการสอนเด็กได้วันหยุดราชการ จึงได้ทีแนวความคิดนี้มาจัดตั้งโรงเรียนแห่งนี้ และได้สอนสืบต่อมาจนถึงปัจจุบันโดยไม่คิดมูลค่า

วัตถุประสงค์
๑.เพื่ออบรมสั่งสอนกุลบุตรกุลธิดา ซึ่งเป็นเยาวชนของชาติได้รู้จักพระพุทธศาสนาตามสมควรแก่วัยของตน
๒.เพื่อปลูกฝังศีลธรรม ธรรมจริยา วัฒนธรรมไทยแก่เยาวชนของชาติ ในแนวทางพระพุทธศาสนา เมื่อเติบโตจะได้เป็นผู้นำในทางที่ดีของสังคม
๓.เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้ดำเนินตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา เป็นศาสนิกชนที่ดีของศาสนาต่อไป
๔.เพื่อให้เด็กได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ในวันหยุดเรียน
๕.เพื่อเผยแพร่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาในกลุ่มเยาวชนให้เป็นพุทธมามกะที่ดีต่อไป
๖เเพื่อลดช่องว่างระหว่างพระสงฆ์กับเยาวชน

การจัดการระบบศึกษา แบ่งออกเป็น ๖ ชั้นเรียน คือ
ชั้นต้น ประกอบด้วย
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๓

ชั้นกลาง ประกอบด้วย
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖

ชั้นปลาย ประกอบด้วย
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓

 

Read more »

ลำดับเจ้าอาวาสจากอดีต-ปัจจุบัน วัดโพธาราม

รูปที่ ๑ พระสมุห์อิ่ม พ.ศ. ๒๔๓๕ ถึง พ.ศ. ๒๔๓๖
รูปที่ ๒ พระครูธรรมฐิติวงศ์คีรีเขต (ตั้ว) .ศ. ๒๔๓๖ ถึง พ.ศ. ๒๔๕๕
รูปที่ ๓ พระครูต่วน พ.ศ. ๒๔๕๕ ถึง พ.ศ. ๒๔๕๗
รูปที่ ๔ พระครูสวรรค์นคราจารย์ (ช่วง ติสสเถระ) พ.ศ. ๒๔๕๗ ถึง พ.ศ. ๒๔๙๘
รูปที่ ๕ พระธรรมคุณาภรณ์ (เช้า ฐิตปญฺโญ ป.ธ.๙) พ.ศ. ๒๔๙๘ ถึง พ.ศ. ๒๕๑๓
รูปที่ ๖ พระเทพคุณาภรณ์ (พุฒ วุฑฒิทัตตเถระ) พ.ศ. ๒๕๑๔ ถึง พ.ศ. ๒๕๓๖
รูปที่ ๗ พระสุนทรธรรมเวที (ประเทือง ธมฺมกาโม ป.ธ.๖) พ.ศ. ๒๕๓๖ ถึง พ.ศ. ๒๕๔๑
รูปที่ ๘ พระเกศีวิกรม (กอง ติกฺขวีโร ป.ธ.๖) พ.ศ.๒๕๔๑ ถึง ปัจจุบัน

ประวัติย่อของเจ้าอาวาส

เจ้าอาวาสวัดโพธาราม ตั้งแต่องค์แรกเป็นต้นมา ไม่ทราบว่ามีท่านผู้ใดบ้าง เท่าที่ทราบแน่ชัด ๘ รูปคือ

๑. พระสมุห์อิ่ม ภูมิลำเนาเดิมอยู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้สร้างพระอุโบสถหลังเดิม และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๕

๒. พระครูธรรมฐิติวงศ์ (ตั้ว) ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านแสนตอ จังหวัดกำแพงเพชร ได้จัดตั้งโรงเรียนภาษาไทยขึ้นที่ศาลาการเปรียญวัดโพธาราม เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๘ ชื่อโรงเรียน “ธรรมฐิติวงศ์วิทยาคาร” โรงเรียนนี้ต่อมาเป็นโรงเรียนรัฐบาลมีชื่อในปัจจุบันว่า “โรงเรียนนครสวรรค์”

๓. พระครูต่วน ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านพันลาน อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์

ท่านได้ลาสิกขา พ.ศ. ๒๔๕๗

๔. พระครูสวรรค์นคราจารย์

Read more »

สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่วัดโพธาราม

untitled

๑. หลวงพ่อเพชรเป็นพระพุทธรูปปางขัดสมาธิเพชร สร้างขึ้นสมัยใดไม่ชัดเจน เป็นพระประจำอยู่ในพระอุโบสถ สมัยเมื่อโบสถ์ยังตั้งอยู่ริมถนนโกสีย์ในปัจจุบัน เป็นอาคารไม้ล้วน ๆ ผู้สูงอายุได้เล่าให้ฟังว่า ประมาณ ๑๐๐ ปีมาแล้ว ตลาดปากน้ำโพเกิดไฟไหม้รวมทั้งพระอุโบสถ กุฏิ ศาลา ของวัดโพธาราม ด้วย แม้พระพุทธรูปในอุโบสถถูกไฟไหม้ไม่มีเหลือ มีเหลือแต่เพียงหลวงพ่อเพชรเพียงองค์เดียว พระครูสวรรค์นคราจารย์ ได้นำมาประดิษฐานไว้หน้าพระอุโบสถหลังใหม่ มีอุบาสกอุบาสิกากราบไหว้สักการะทำวัตรสวดมนต์ต่อหน้าหลวงพ่อเพชรเป็นประจำ จนมาถึงสมัยพระธรรมคุณาภรณ์ เป็นเจ้าอาวาส
ต่อมาเมื่อพระเทพคุณาภรณ์เป็นเจ้าอาวาสได้สร้างสภาบริหารสงฆ์ ฯ เสร็จ ใน พ.ศ.๒๕๒๔ จึงได้ย้ายหลวงพ่อเพชรมาประดิษฐานไว้ที่สภาบริหารคณะสงฆ์
เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๐ พระเทพคุณาภรณ์ ได้สร้างมณฑปเสร็จ จึงได้ย้ายหลวงพ่อเพชรมาประดิษฐานไว้มณฑปจนถึงปัจจุบันนี้ และได้สร้างพระเกจิอาจารย์เป็นรูปหล่อเท่าองค์จริง เช่น สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี), หลวงพ่อเดิม, หลวงพ่อเงิน และหลวงพ่อพระเทพคุณาภรณ์ ประดิษฐานบนมณฑปให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชาเป็นประจำทุกวันไม่มีวันหยุด

Read more »

ประวัติความเป็นมาวัดโพธาราม

วัดโพธาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่เลขที่ ๔๗๔ ถนนโกสีย์ ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ รหัสไปรษณีย์ ๖๐๐๐๐ โทรศัพท์ ๐ ๕๖๓๑ ๔๒๐๑ โทรสาร ๐ ๕๖๓๑ ๔๐๗๖

บริเวณพื้นที่ตั้งวัด

เป็นพื้นที่ราบลุ่มท่ามกลางตลาดปากน้ำโพ โดยมีถนนคั่นบริเวณวัดไว้ทั้ง ๔ ด้าน ตรงข้ามฟากถนนเป็นอาคารพาณิชย์ของทางวัดบ้าง ของเอกชนบ้าง ทิวทัศน์ห่างออกด้านหลังวัดเป็นเทือกเขากบ ด้านหน้าวัดเป็นแม่น้ำ ๔ สาย คือ ปิง วัง ยม น่าน ไหลมาบรรจบเป็นต้นทางของแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นย่านการค้าทั้งทางบกและทางน้ำ การคมนาคมติดต่อกับทุกภาคของประเทศไทยได้โดยสะดวก

วัดโพธาราม มีเนื้อที่เฉพาะที่เป็นเขตสังฆาวาส ๑๕ ไร่ ๒ งาน ๖๗ วา โฉนดเลขที่ ๒๑๘๑
อาณาเขต
ทิศเหนือ จดถนนสวรรค์วิถี
ทิศใต้ จดถนนโกสีย์
ทิศตะวันออก จดถนนอรรกวี
ทิศตะวันตก จดถนนจุฬามณี

ประวัติความเป็นมา

วัดนี้เป็นวัดโบราณ ไม่ปรากฏนามท่านผู้สร้างและไม่ปรากฏปีที่สร้าง ที่ตั้งวัดเดิมอยู่ริมปากแม่น้ำปิง ฝั้งขวา มีต้นมะขาม ๒ ต้น ต้นตะกู ๑ ต้น ศาลาท่าน้ำ ๒ หลัง ทางด้านที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขปัจจุบันนี้ มีต้นมะเดื่อ ๑ ต้น ต่อมาได้ย้ายที่ตั้งบริเวณกุฏิออกมาตั้งด้านหลังดังที่ปรากฏในปัจจุบันนี้ ส่วนที่ธรณีสงฆ์แปลงหลังวัด เดิมเป็นป่าไผ่เป็นบริเวณเผาอัฐิของนางเอม เรียกกันว่า ยายเอม เผาอัฐิ
พระอุโบสถหลังเดิม ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๕ สมัยพระสมุห์อิ่ม เป็นเจ้าอาวาส และหมื่นนรา เป็นทายก นับตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๓๕ ถึง พ.ศ.๒๔๘๑ เป็นเวลา ๔๖ ปี พระอุโบสถหลังใหม่ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๑ และผูกพัทธสีมาเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๒ สมัยพระครูสวรรค์นคราจารย์ (ช่วง ติสฺสเถโร) เป็นเจ้าอาวาส โดยมีสมเด็จพระวันรัต (เขมจารี) เจ้าคณะมลฑลอยุธยา วัดมหาธาตุ พระนคร
เป็นประธานผูกพัทธสีมา มีหลวงปู่สูข วัดปากคลองมขามเฒ่า เป็นประธาน นั่งอธิฐานจิตในงานด้วย

Read more »

ความสำคัญ วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร

วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เดิมชื่อ วัดพระธาตุเจ้าศรีจอมทอง ตั้งอยู่ถนนเชียงใหม่-ฮอด หมู่ 2 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากตัวจังหวัดเชียงใหม่ประมาณ 58 กิโลเมตร วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เป็น พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งแต่ปี พ.ศ.2506 บริเวณที่ตั้ง เป็นเนินดินสูง ประมาณ 10 เมตร เรียกกันมาตั้งแต่อดีตว่า ดอยจอมทอง ตามประวัติสันนิษฐานว่า เป็นวัดที่สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 20 แต่จากลักษณะทางศิลปกรรมของสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ภายในวัด ปรากฏเป็นลักษณะของศิลปกรรม ในสมัยหลัง พุทธศตวรรษที่ 24 ซึ่งเป็นห้วงระยะเวลาของยุคฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่

ความสำคัญ
พระธาตุศรีจอมทอง อยู่ใน อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร เป็นสถานที่ประดิษฐานของพระทักษิณโมลีธาตุ พระธาตุส่วนที่เป็น พระเศียรเบื้องขวาของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีขนาดโตประมาณ เมล็ดข้าวโพด สันฐานกลมเกลี้ยง สีขาวนวลเหมือน ดอกบวบ หรือ สีคล้ายดอกพิกุลแห้ง ตามประวัติเล่าว่า พระเจ้าอโศกมหาราช เป็นผู้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่ ดอยจอมทอง ตั้งแต่ปี พ.ศ.218 ปัจจุบัน พระธาตุ ถูกบรรจุไว้ในพระโกศ 5 ชั้น ซึ่งตั้งอยู่ภายใน พระวิหารจตุรมุข ก่ออิฐถือปูนทั้งองค์ มีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส คล้ายพระเจดีย์ กว้าง 4 เมตร สูง 8 เมตร ตามประวัติว่าสร้างขึ้นโดย พระเจ้าดิลกปนัดดาธิราช หรือ พระเมืองแก้ว กษัตริย์ราชวงศ์มังราย เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ.2060

– พ.ศ.1994 สร้างบนดอยจอมทอง ชื่อว่า วัดพระธาตุเจ้าศรีจอมทอง ทางทิศตะวันตกมีทิวเขาอินทนนท์ และลำน้ำแม่กลาง
– พ.ศ.2470 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา
– พ.ศ.2506 ได้รับพระราชทานยกฐานะวัดขึ้นเป็นวัดพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิด วรวิหาร
– พ.ศ.2524 เป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง ของกรมการศาสนา
– พ.ศ.2538 เป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง ของ กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ

Read more »

สำนักวิปัสสนากรรมฐาน หนเหนือ วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เชียงใหม่

ตั้งอยู่ ที่ 157 บ้านหลวง ต. บ้านหลวง อ. จอมทอง จ. เชียงใหม่ มีพระเดชพระคุณ ท่านเจ้าคุณพระเทพสิทธาจารย์ วิ. (พระอาจารย์ทอง สิริมงฺคโล) หัวน้าพระวิปัสสนาจารย์หนเหนือ กองการวิปัสสนาธุระ และเจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร เป็นเจ้าสำนักวิปัสสนากรรมฐาน ให้การสอน การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ในแนวสติปัฐฐาน 4 ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน จนถึงระดับสูง มีการจัดให้สอบอารมณ์ ทุกวัน (ยกเว้นวันพระ)

ที่พัก: รองรับ ทั้ง แบบ เดี่ยว และแบบหมู่คณะ โดยมีกุฏิสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม กว่า 200 หลัง ลักษณะเป็นบ้านชั้นเดียวห้องน้ำในตัว มุ้งลวด เหล็กดัด อุปกรณ์ที่จำเป็นพร้อม มีเตียงไม้ พัดลม ส่วนเครื่องนอนทางวัดจะจัดให้เป็นชุด ๆ มีฟูกแบบบาง หมอน ซึ่งวัดจะส่งซักทุกครั้งหลังจากแต่ละท่านปฏิบัติจบแล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องความสะอาด หรือหากเราอยากจะเอาผ้าส่วนตัวไปปูรองนอนอีกชั้นก็ได้

อาหาร: ทางสำนักจะจัดอาหารไว้วันละ 2 มื้อคือ เช้าเวลา 06.00 น. และเพล เวลา 11.00 น. โดยมีให้เลือกแบบธรรมดาและมังสะวิรัติ

หลังเที่ยงไปแล้วงดอาหาร ตามการรักษาศีล 8 (สามารถดื่มนม ชา กาแฟ ได้ หรือจะไปซื้อน้ำเต้าหู้หน้าวัดก็ได้ มีแม่ค้ามาขาย)

ตอนเช้า หลังอาหารเช้า เราสามารถไปซื้อกับข้าวมาตักบาตรพระได้ที่หน้าวัด ทุก ๆ วันค่ะ

หลักการปฏิบัติ :

การเดินจงกรม ที่นี่มีการเดินจงกรม 6 ระยะแบบเดียวกับสายคุณแม่สิริ กรินชัย (ค่อย ๆ เพิ่มระยะไปทีละวัน ไม่ต้องกังวลเพราะพระอาจารย์ที่สอบอารมณ์จะให้คำแนะนำอย่างละเอียด)

การนั่งสมาธิ ที่นี่สอนแนวสติปัฏฐาน 4 ใช้คำบริกรรมว่า ยุบหนอ พองหนอ

การนั่งกรรมฐาน หลวงพ่อจะให้เพิ่มให้กำหนดจิตสติไปเพ่งพิจารณาถูกที่จุดต่างๆ ในร่างกาย เช่นวันแรกคือสะโพกขวา ซ้ายเหมือนเอาเหรียญบาทไปแตะถูกจุดนั้น โดยกำหนดคำบริกรรมว่า พองหนอ ยุบหนอ นั่งหนอ ถูกหนอ (นึกจิตไปถูกสะโพกขวา) พองหนอ ยุบหนอ นั่งหนอ ถูกหนอ (สะโพกซ้าย)
ถ้าอยู่ครบคอร์ส 21 วัน จะสามารถกำหนดจุดต่างๆ ในร่างกายที่ต้องไปกำหนดถูกรวม 28 จุด (สำหรับของเราไปได้ 7 วัน กำหนดได้ 7-8 จุด ซึ่งเป็นไปตามหลักสูตรปกติ)

Read more »

. . . . . . .
. . . . . . .